วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2563

พาชม IDEO MOBI Sukhumvit Eastpoint พื้นที่ใช้สอยที่ทันสมัยแต่ดูธรรมชาติ | MG-Review


 IDEO MOBI 

Sukhumvit Eastpoint

สวัสดีค่ะทุกคน รีวิวนี้อาจจะดูแปลกตาไปสักหน่อย ที่ไม่ใช่ สกินแคร์หรือเครื่องสำอาง ฮ่าๆ อยากให้บทความมีความหลากหลายงี้ เลยลองพาทุกคนมาดูคอนโดกัน โอ้วโหวว ใช่แล้วค่ะ คอนโดที่พักอาศัยของคนในเมืองรวมไว้ทั้งความสะดวกสบาย ความทันสมัย และความเป็นส่วนตัว  ก็คือว่ามิ้วได้มีโอกาสไปชมคอนโดแถวๆBTSบางนา นั่นก็คือ  IDEO MOBI Sukhumvit Eastpoint นั่นเองค่าา รายละเอียดจะเป็นอย่างไร มีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น ไปชมกันเลย!!! อ่านให้จบนะคะ มิ้วมีโค้ดมาฝากกันด้วย


Ideo mobi sukhumvit eastpoint (ไอดีโอโมบิ สุขุมวิท อีสต์ พอยท์) เป็นคอนโดใกล้ BTS บางนา ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท เรียกง่ายๆว่าเป็น คอนโดบางนา หรือคอนโดสุขุมวิทก็ว่าได้ คอนเสปของโครงการนี้จะภายใต้แนวคิด ความทันสมัยที่อาศัยร่วมกับธรรมชาติ เห็นได้จากโครงสร้างของตึกที่มีส่วนโค้งเว้า คล้ายภูเขา รวมไปถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจภายในโครงการ และสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการด้วยค่ะ
โดยตัวโครงการจะมีด้วยกัน ถึง 2 ตึก คือ ตึก A และ B นอกจากนี้ยังมีที่รับรองแขกซึ่งยาวกว่า 60 เมตรอีกด้วยค่ะ ยิ่งใหญ่อลังการมาก


โดยมิ้วเดินทางไปโครงการด้วยรถไปฟ้า BTS แล้วลงสถานี บางนาค่ะ 


มิ้วใช้ทางออกที่ 3 จากนั้นเดินมาอีกนิดก็จะเป็นคอนโดตั้งอยู่ไม่ไกลเลย


การเดินทางถือว่า ง่าย และสะดวกมากเลยค่ะ


เดินมาอีกประมาณ 250 เมตรก็จะถึงตัวโครงการแล้ว หรือใครขับรถมาก็สามารถขับเข้ามาจอดในโครงการได้เลยค่ะ เขามีชั้นจอดรถ รอบๆโครงการเลย

เป็นโครงการที่ถือว่าใหญ่มากสำหรับมิ้วเลยค่ะ โอ้วโหววว


เดินเข้ามาข้างในห้องของฝ่ายขาย ก็จะเจอโมเดลของโครงการค่ะ จะได้พอมองเห็นภาพกว้างๆว่ามีอะไรบ้าง



ทางโครงการด็มีน้ำดื่มบริการตลอดค่ะใส่ใจ และน่ารักมากๆ


พอเข้ามาในตึกที่พักอาศัยส่วนที่เราจะเจอเลยก็คือ โซนรับแขกค่ะ จัดแต่งไว้อย่างสวยงามหรูหรา


แต่แฝงไปด้วยความธรรมชาติ และดูอบอุ่น น่าอยู่ค่ะ มุมนี้เราสามารถให้แขกที่มารอก่อนได้ หรือจะเป็นที่นั่งคุยงาน นั่งอ่านหนังสือขณะรอเจ้าของบ้านลงมาค่ะ


ด้านความปลอดภัย


ลืมบอกไปว่า ก่อนที่เราจะเข้ามาได้ เราก็จะเจอ โต๊ะประชาสัมพันธ์เอาไว้ติดต่อผู้พักอาศัยค่ะ 


นอกจากนี้ก็ยังมีที่แตะบัตร ก่อนที่เราจะเข้าไปในตึกด้วยเรียกว่าป้องกันตั้งแต่ทางเข้าเลย
(โดยที่แต่ละตึกก็จะไม่สามารถเข้าไปตึกอื่นได้นะคะถ้าไม่มีบัตรขอตึกนั้น)


ที่แตะบัตรจะมีอยู่หลายจุดเลยค่ะ เช่น ทางออกลานจอดรถด้านหลัง หรือแม้กระทั้งในลิฟที่เราขึ้นไปค่ะ

แล้วก็ยังมีห้องกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทุกชั้นค่ะ ดีงามมากกกกก



สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

ที่ดีงามกว่านั้นก็คือ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ทางโครงการมีให้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์ที่มีอยู่ในตึกถึง 4 ตัว กล่องจดหมายที่จัดไว้อย่างสวยงาม หรูหรา ก่อนทางขึ้นลิฟต์


ห้องประชุมที่อยู่ชั้นล่าง ตรงทางเข้า


ที่จอดรถแบบสองชั้น (อันนี้มิ้วไม่เคยเห็นจากคอนโดอื่นค่ะ เพิ่งเคยเจอที่นี่แหละ)


เผื่อลูกบ้านท่านไหนมีรถมากกว่า 1 คัน ก็สามารถยกรถขึ้นไปจอดได้เลย เฉียบบบบ




ที่พีคสุดก็คือ ที่ชั้น 32 มี ห้องที่เอาไว้ชมวิวได้ถึง 180 องศาเลยด้วย 


มีโซฟานุ่มๆ ที่นั่งสวยๆ แสงดีๆ เอาไว้นั่งทำงาน อ่านหนังสือ อัดคลิป ทำรีวิวในชั้นนี้ได้เลยค่ะ มิ้วเห็นแล้วตื่นเต้นมาก ฮ่าๆๆ


แสงดีแต่แอร์เย็นจริงๆค่ะห้องนี้


วิวที่เราจะเห็นในห้องนี้ก็คือ วิวเมือง 180 องศา รถไฟฟ้า และบางกระเจ้าเขียวๆอยู่ไกลๆค่ะ รวมไปถึง แม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ใครที่ชอบชมวิวเมืองแบบนี้ทุกวันคือพลาดไม่ได้แล้วนะคะ ยิ่งตอนเย็นก็น่าจะสวยงามมากเลยทีเดียว 


อีกด้านหนึ่งก็เป็นวิวของตึก B และเส้นทางรถไฟฟ้าค่ะ โอ้ย สวยไม่ไหว

นอกจากนี้ก็ยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ (ุยาวกว่า 60 เมตร) ให้เราได้ว่ายประหนึ่งอยู่โรงแรม 5 ดาวเลยค่ะ


ที่ชั้นเดียวกันก็ยังมีฟิตเนตขนาดใหญ่ ที่มีเครื่องออกกำลังกายครบถ้วน ทั้งลู่วิ่ง โซนยกน้ำหนัก และโซนโยคะ ให้ไว้ผ่อนคลายด้วยค่ะ ไม่ต้องออกไปพึ่งฟิตเนตข้างนอกเลย


แล้วก็ยังมี  Co-Working space พื้นที่ทำงานถึงสองชั้น ที่สามารถเดินเข้ามาจากด้านล่างโครงการได้เลยค่ะ สามารถนั่งทำงาน  ประชุม อ่านหนังสือ หรือ ชมวิวได้ที่นี่ครบจบในตัวเดียว เบื่ออยู่ห้องก็สามารถมาที่โซนนี้ได้เลยค่ะ



โซนที่พักอาศัย

มีให้เลือกหลายแบบเลยค่ะ ตามความต้องการของผู้พักอาศัย ทั้ง 

1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ (36 ตารางเมตร) บางห้องก็มีห้องแต่งตัว ค่ะ

2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ (54 ตารางเมตร) บางห้องก็มี อ่างอาบน้ำที่มองเห็นวิวห้องนอนเลย

2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ (ซึ่งจะมีอ่างอาบน้ำ 1 ห้อง 56 ตารางเมตร)

Duplex (50 ตารางเมตร) เป็นห้องเพดานสูงดูโปร่งโล่งมากๆ

(ห้องวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ชั้น 25 ขึ้นไป)





2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 
จะออกแบบเป็นหน้ากว้าง ทำให้เรารู้สึกว่า ห้องกว้างขึ้นมากๆเลยค่ะ แต่พื้นที่ใช้สอยครบถ้วน แถมมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย ดีงามมากๆ







ทางเดินเข้าห้องก็ดูเรียบหรู แต่ เงียบสงบเป็นส่วนตัวมาก แถมมีหน้าต่างระบายอากศอยู่ทุกชั้น ทำให้อากาศเย็นอยู่ตลอดทั้งวันค่ะ


ลิฟต์ก็มีขนาดใหญ่ กว้างขวางมากค่ะ


ความรู้สึกหลังชมโครงการ IDEO MOBI Sukhumvit Eastpoint ในครั้งนี้ ขอบอกเลยว่า ประทับใจมากๆค่ะ โชคดีมากเลยที่่มิ้วได้มาชมโครงการ รู้สึกใจดีที่ได้เห็นตัวโครงการที่มีทั้งความทันสมัย แต่ทุกซอกทุกมุม ทุกรายละเอียด ก็แฝงไปด้วยแนวคิดที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีความสะดวกสบายในการเดินทาง แต่ก็ยังมีความอบอุ่น และปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัยด้วยค่ะ มิ้วว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ดีงามมากๆเลยสำหรับคนที่ ทำงานอยู่แถวบางนา เส้นสุขุมวิท หรือใช้รถไฟฟ้าเป็นประจำ จะยิ่งช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางได้ดีมากๆเลยค่ะ 


สำหรับใครที่เริ่มสนใจในตัวโครงการนี้ หรืออยากดูรายละเอียดเพิ่มเติม แนะนำให้เข้าไปที่ เว็บไซ้ไได้เลยค่ะ

https://www.ananda.co.th/th/condominium/sukhumvit-eastpoint

ซึ่งมิ้วมีโค้ดส่วนลดมาให้ด้วยนะคะ นั่นก็คือ
Code : IDEO001 จะรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 50,000 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม add line@ : https://bit.ly/3bDLVTr    ได้เลยจ้า

มาถึงตรงนี้มิ้วก็ขอขอบคุณทางโครงการ มากๆเลยค่ะ ที่ให้มิ้วได้มาเข้าชม ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ให้มิ้วเลยค่ะ 






วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2563

[ลองของ] sasi MOUSSE MELLOW แป้งเบลอผิว คุมมันได้ จริงดิ??? | MG-Review

 SASI

MOUSSE MELLOW 

Foundation Powder

สวัสดีค่ะทุกคน รีวิวนี้มิ้วจะมาท้าพิสูจน์ แป้งตัวใหม่ของ sasi ที่มีชื่อว่า MOUSSE MELLOW Foundation Powder ที่เขาร่ำลือกันว่า เป็นแป้งที่ช่วยเบลอผิวรูขุมขน ทั้งยังช่วยคุมมันได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมงอีกด้วย เครมแรงขนาดนี้ต้องมาลองดูกันแล้วค่ะว่าจะจริงอย่างที่ว่ามาหรือไม่ มิ้วใช้แล้วจะเป็นอย่างไร รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยค่า


แป้ง sasi MOUSSE MELLOW Foundation Powder เป็นทั้งแป้งพัฟคุมมัน แป้งเบลอผิว แป้งเบลอรูขุมขน ตัวใหม่ล่าสุดจาก sasi ที่มีคุณสมบัติ Magic Blur Powder ช่วยเบลอรูขุมขน และผิวหน้าให้ดูเรียบเนียน สวย รวมไปถึงมีเทคโนโลยี Oil Catcher Technology ที่ช่วยควบคุมความมันได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง อีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมี วิตามัน E ที่ไม่ทำให้หน้าแห้ง และ SPF30 PA+++ ช่วยให้หน้าเนียนสวยตลอดวันด้วยค่ะ

แล้วแป้งตัวนี้เขาก็ยังบอกอีกว่าไม่มี แอลกอฮอล์ และพาราเบนด้วย คนผิวแพ้ง่ายใช้ได้เลยค่ะ


ตัวกล่อง


ตัวกล่อง มาในกล่องกระดาษสีชมพูขาว ลายน่ารักมากๆค่ะ 


ด้านหน้าเป็นชื่อแบรนด์ ด้านหลังจะมีสรรพคุณ วิธีใช้ สถานที่ผลิต ช่องทางการติดต่อ
และมาในปริมาณ 8.5 กรัม ราคา 159 บาท


ด้านฝากล่องจะเป็นชื่อสี ซึ่งสีที่มิ้วได้มาก็คือ 03 Honey ค่ะ ส่วนด้านข้างของกล่องอีกด้านหนึ่งก็จะบอกเอาไว้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทดลองในสัตว์ด้วย ดีงามมากๆเลย


ตัวตลับและสีแป้ง


ตัวตลับก็จะเป็นสีชมพูเนื้อด้านค่ะน่ารักมาก ขนาดเท่าฝ่ามือมิ้ว ไม่เล็ก ไม่ใหญ่เกินไปพกพาใส่กระเป๋าไปได้สบายๆ 


สีที่มิ้วได้มาก็จะเป็นเบอร์เข้มสุดของรุ่นนี้ก็คือเบอร์ 03 Honey ซึ่งเหมาะกับคนผิวสีน้ำผึ้ง ผิวเข้ม
เบอร์ 01 Vanilla วานิลลา เหมาะสำหรับสาวผิวขาว
เบอร์ 02 Late ลาเต้ สำหรับสาวผิวสองสีไปจนถึง ผิวกลาง


ตัวตลับด้านล่างจะมีรูระบายอากาศช่วยให้พัฟไม่อับชื้นอีกด้วยค่ะ


โดยตัวตลับจะแบ่งเป็น 2 ชั้น เปิดมาชั้นแรกจะเป็นเนื้อแป้ง มาพร้อมกระจก ที่ส่องได้พอดีหน้าค่ะ ไม่เล็กไม่ใหญ่ไป พอเปิดออกมาอีกชั้นก็จะเห็นพัฟสีขาวน่ารักนอนอยู่ในนั้นค่ะ


พัฟก็จะมีความแน่นแต่นุ่มน่ารัก เหมือนเนื้อมัชเมลโล่ ขนมที่เราคุ้นชื่อกันเลย มีความยืดหยุ่นดี แต่ไม่ได้หนามากค่ะ

ลักษณะ เนื้อ สี กลิ่น


เนื้อแป้งมีความละเอียดมาก สีไปในโทนเหลืองผิวคนไทย แถมมีกลิ่นหอมขนมนิดๆด้วยค่ะ ตอนแตะเนื้อแป้งออกมาก็ไม่ค่อยมีฝุ่นแป้งร่วงให้เป็นเลยทางแบรนด์น่าจะอัดแป้งมาค่อนข้างแน่นค่ะ ถือเป็นอะไรที่ดีมาก


หลังจากที่มิ้วลองใช้พัฟกดๆลงไปที่หลังมือก็พบว่าผิวด้านที่ทาดูละเอียดขึ้น และกระจ่างใสมากขึ้นกว่าด้านที่ยังไม่ได้ทาค่ะ สีออกแนวโทนเหลืองๆไม่ทำให้ผิวของมิ้วเทาแต่อย่างใด แถมยังกลบสีเส้นเลือดของมิ้วได้ดีเลยทีเดียว

ยิ่งลองทาที่หลังมือความแตกต่างก็จะชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ  มิ้วลองแบ่งฝั่งด้วยการเขียนอายไลน์เนอร์สีดำ จะเห็นได้ว่า ฝั่งที่ทาผิวดูกระจ่างใสขึ้นมาเลย ดูเรียบเนียนกว่าด้านที่ไม่ได้ทา แต่ความปกปิดนั้นจะบางเบา หรือสีของอายไลน์เนอร์อาจจะเข้มเกินกว่าที่แป้งจะปกปิดได้ค่ะ


ลองทาดูบนใบหน้า

ลักษณะผิว : ผิวผสมค่อนไปทางมันบริเวณ คาง จมูก หน้าผาก ผิวไม่แพ้ง่าย

บริเวณที่มีปัญหา : รอยคล้ำใต้ตา รอยกระ จุดด่างดำ


เวลาที่มิ้วใช้ ก็จะใช้หลังจากที่ทาสกินแคร์แล้วค่ะ โดยในรูปมิ้วจะแบ่งฝั่งก็คือจะมีด้านที่ ทาคอลซิลเลอร์(ที่ตาซ้ายก็คือด้านที่มิ้วถือแป้ง) แล้วก็ด้านที่ไม่ทาอะไรเลยค่ะ เปรียบเทียบกัน  


มิ้วก็จะกดแป้งออกมาจากตลับ แล้วกดซับไปที่ใต้ตาก่อนอันดับแรก เกลี่ยออกไปด้านข้างค่ะ เพราะการกดซับจะทำให้เนื้อแป้งติดผิวของเรามากกว่าการปาดๆไปนั่นเอง 
จากนั้นก็มาทาที่หน้าแก้ม คาง และหน้าผาก แล้วก็มาทาที่คอค่ะ สีผิวจะได้เท่ากันทั้งใบหน้าและคอนั่นเอง




หลังทาเสร็จแล้วก็จะเห็นได้ชัดเลยค่ะว่าฝั่งที่ทาแล้วหน้าดูแมทมากแต่ก็ดูไม่แห้งจนเป็นขุย เมื่อเทียบกับด้านที่ไม่ได้ทา ผิวดูเรียบเนียนขึ้นผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น กระจ่างใสมากขึ้น และที่สำคัญหน้าก็ไม่เป็นคราบด้วยค่ะ


เมื่อแต่งหน้าเสร็จแล้วก็จะได้เป็นประมาณนี้เลยค่ะ แต่งหน้าง่ายขึ้น ไม่เป็นคราบไม่เป็นขุยอีกด้วย


ส่วนความปกปิดก็อยู่ในระดับปานกลาง สามารถกดแป้งทาซ้ำได้ในบริเวณที่ต้องการปกปิดเป็นพิเศษโดยที่ไม่ดูหนาเกินไปค่ะ


นอกจากนี้มิ้วก็ได้ลองใช้ sasi MOUSSE MELLOW Foundation Powder ในแต่ละวันแต่งออกมาได้หลายลุคเลย แถมยังออกไปทำกิจกรรมทดสอบประสิทธิภาพของแป้งกันอีกด้วย ไปดูดีกว่าว่ามิ้วไปไหนมาบ้าง




วันที่1 มิ้วทาแป้ง sasi MOUSSE MELLOW แล้วพาทุกคนไปทำบุญที่ศาลพระกาฬ และทำบุญโลงศพให้ศพไร้ญาติ ที่มูลนิธิ ในตัวเมืองลพบุรีค่ะ อากาศมวันนั้นก็คือร้อนสมใจอยากเลยจะได้ทำสอบได้ดี หลังจากทำบุญเสร็จก็กลับบ้านมาแล้วพบว่าหน้าก็ยังอยู่เหมือนเดิม แต่มีความมันขึ้นมานิดนึงค่ะ


วันที่ 2 มิ้วใช้แป้ง sasi MOUSSE MELLOW แล้วไปตลาดนัดค่ะ ไปช่วงเย็น แต่ว่าทาแป้งตั้งแต่เช้าแล้ว ดูสิขนาดตอนเย็นแล้วแดดยังร้อนอยู่เลย ฮ่าๆ แต่หน้าก็ยังสวยสู้แสงแดดอยู่นะคะ



วันที่ 3 มิ้วใช้แป้ง sasi MOUSSE MELLOW ไปตลาดอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้ไปตอนกลางวันค่ะ แดดเปรี้งเลยนี่แหละ หน้าก็สวยสู้แสงตอดทั้งวัน


จากนั้นก็ไปทำกิจกรรมตลอดทั้งวันค่ะ หลังจากผ่านไป 12 ชั่วโมง แบบไม่ซับหน้าเลย ผลที่ได้ก็จะออกมาเป็นประมาณนี้ค่ะ สีปากเริ่มหายไปแล้ว แต่ผิวหน้ายังมีแป้งติดอยู่(แต่ตรงช่วงจมูก คางหน้าผากแป้งจะเริ่มหายไปแล้ว) ความมันมีขึ้นมาแต่ยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้มันเยิ้ม กำลังฉ่ำๆผิวค่ะ (อากาศตอนเย็นครึ้มฟ้าครึ้มฝนด้วยเลยไม่ร้อนเท่าไหร่) ผิวหน้ายังดูเรียบเนียนอยู่ด้วย




สรุปได้ว่า สิ่งที่มิ้วชอบใน แป้ง sasi MOUSSE MELLOW ตัวนี้ก็คือ

1. แพคเกจเป็นเนื้อด้าน ทำให้ไม่เกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย เริ่ด!

2. เนื้อแป้งทาง่าย เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ

3.หลังทาทำให้ผิวเรียบเนียน และเบลอผิวได้จริง

4. ความคุมความมันได้จริง (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของวันนั้นๆด้วย)

5. หลังทาแป้งหน้าดูแมทแต่ผิวไม่แห้งจริงค่ะ

6. คนที่แพ้แอลกอฮอล์  หรือ พาราเบนก็ใช้ได้

คำแนะนำ

1. ก่อนทาแป้งควรฉีดสเปรย์น้ไแร่เพื่อทำให้หน้าชุ่มชื้นก่อน จะทาแป้งติดผิวดีค่ะ

2. ถ้าอยากปกปิดมากกว่านี้ควรใช้คอลซิลเลอร์ทาไปก่อนแล้วค่อยกดซับด้วยแป้งค่ะ


แป้ง sasi MOUSSE MELLOW Foundation Powder เหมาะกับใคร

1. นักเรียนนักศึกษา มือใหม่ที่อยากลองแต่งหน้า เพราะมาในราคาเพียง 159 บาทเท่านั้น

2. คนที่แพ้แอลกอฮอล์ พาราเบน

3. คนที่มีผิวหน้ามัน

4. คนที่แต่งหน้าบ่อยๆ แต่ไม่อยากใช้ของแพง 

5.คนที่ต้องออกจากบ้านไปเจอแสงแดด เพราะแป้งตัวนี้ก็มีกันแดด SPF30 PA+++ เลยค่ะ


เนี่ยยยยยย เป็นยังไงกันบ้างคะ กับการ  รีวิว แป้งพัฟศศิ MOUSSE MELLOW Foundation Powder ตัวนี้ หวังว่าจะชอบและหลงรักแบบมิ้วนะคะ ควรมีมากๆเพราะมาในราคาที่ไม่แพงเลย แค่ 159 บาทเท่านั้น เป็นเริ่ด!! ถ้าใครสนใจอยากได้รีวิว หรือข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามได้ที่ 

Website : https://www.sasicosmetics.com/th
Facebook : https://www.facebook.com/sasidiary/

สามารถหาซื้อได้ที่ EVEANDBOY, Watsons, Beautrium และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ
SHOPEE: https://invol.co/cl29j29
หรือช้อปออนไลน์ได้ที่ https://www.sasicosmetics.com/th