วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562

odbo Professional Three color blush เก๋ สวย ชัดเรื่องปัดแก้ม



odbo
Professional Three color blush 


odbo Professional Three color blush

สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้มิ้วจะมาพูดถึงพาเลทปัดแก้มจาก odbo ที่มีชื่อว่า Professional Three color blush นั่นเอง แค่เห็นสีและตัวแพคเกจก็น่าปัดมากๆเแล้ว แต่มิ้วใช้แล้วจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจ้า





odbo Professional Three color blush

Professional Three color blush พาเลทบลัชออนสุดชิค เป็นบลัชออนเนื้อฝุ่น เนื้อเนียนละเอียด เกลี่ยง่าย เข้ากับทุกสีผิวค่ะ  มีด้วยกันถึง 3 สี
Prevalent- สีส้มเนื้อด้านสดใส ดูเข้ากับสาวผิวโทนเหลือง
Fairness- สีส้มมีประกายทอง ช่วยทำให้ผิวดูมีมิติ (หรือจะเอามาทาที่เปลือกตาก็ได้)
Fashion- สีชมพูอมส้มนิดๆ ดูเข้ากับผิวโทนชมพู

odbo Professional Three color blush


ตัวแพคเกจมาเป็นแบบตลับที่ทำมาจากกระดาษ ลวดลายกราฟฟิกแนวมากๆค่ะ คือเด่นตั้งแต่ตลับแล้ว
 แถมมีน้ำหนักเบาด้วย น้ำหนักสุทธิ 10.5 กรัม

odbo Professional Three color blush
ด้านหลังเป็นรายละเอียดผลิตภัณฑ์ วิธีปัดแก้มแบบรูปภาพ ส่วนประกอบ สถานที่ผลิตและนำเข้า 


odbo Professional Three color blush

หลังจากที่มิ้วลองทาสีที่หลังมือก็เห็นว่าสีชัดมากเลยทีเดียว เนื้อเกลี่ยง่ายมากๆแถมฝุ่นผงก็ไม่ค่อยร่วงเลอะเทอะด้วยค่ะ

odbo Professional Three color blush

ชอบทุกสีเลยทีเดียว ทุกสีสามารถใช้ได้กับทุกสีผิวเลยค่ะ

odbo Professional Three color blush

รูปนี้มิ้วลองทาทุกสีที่แขนดูค่ะ รวมไปถึง เอาทุกสีในพาเลทมาผสมกันด้วย ปรากฎว่ามันเข้ากันได้ดีทีเดียวค่ะสีดูออกพีชๆ งามมากๆ

odbo Professional Three color blush


เวลามิ้วใช้ ก็จะใช้ปัดแบบสีเดียวหรือผสมสีกันก็ได้เลยค่ะ แปรงปัดแก้มที่ใช้ก็แล้วแต่ขนาดของแก้มแต่ละคนเลย บางคนชอบแปรงอันใหญ่จะได้ปัดเป็นวงกว้าง ถ้าเป็นแปรงขนาดเล็กก็จะค่อยๆปัดค่อยๆลงสีไปที่แก้มได้ง่ายกว่าค่ะ

ทิศทางที่ปัด 
 ปัดไปตามหน้าแก้มห้ามต่ำกว่าปีกจมูก จะทำให้ดูแบ๊วๆเหมือนเด็กๆ
ถ้าปัดแบบข้างแก้มและเฉียงขึ้น จะทำให้หน้าดูเฉี่ยวขึ้น เรียวขึ้นค่ะ 

odbo Professional Three color blush

พอมิ้วจิ้มสีมาแล้วก็เคาะๆแปรงออกสักนิดนึงค่ะ สีจะได้ไม่ติดที่แก้มเยอะเกิน แล้วก็จุดไปที่แก้ม แล้วค่อยเกลี่ยค่ะ  ตอนเกลี่ยก็คือเกลี่ยง่ายมากเลย สีติดง่ายด้วยค่ะ

odbo Professional Three color blush

สี Prevalent ทำให้ด้านนี้ดูมีมิติขึ้นกว่าก่อนปัดค่ะ

odbo Professional Three color blush

จากนั้นมิ้วก็ปัดอีกข้างด้วยสี Fashion ค่ะ จะเป็นโทนชมพูที่ ผิวสีอย่างเราก็เอาอยู่ รอดค่ะสีนี้

odbo Professional Three color blush

สีนี้ทำให้ผิวด้านนี้ดูมีความเลือดฝาด อมชมพูเป็นธรรมชาติมากค่ะ



odbo Professional Three color blush


เมื่อหันหน้าตรงแล้วเปรียบเทียบสีทั้งสองด้านจะเห็นว่า สีไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่เลยค่ะถ้ามองผ่านๆ แต่ถ้าสังเกตดีๆ ด้านสีส้มจะเห็นชัดกว่า

odbo Professional Three color blush


จากนั้นมิ้วลองปัดทับด้วยสี Fairness ที่มีประกายสีทองเพิ่มเข้าไปในแต่ละด้าน

odbo Professional Three color blush

ก็จะเห็นว่าแก้มดูมีมิติมากกว่าเดิมจริงๆค่ะ เพราะมันเป็นสีประกายโทนเหลือง ช่วยให้ผิวโทนเหลืองดูเงาขึ้น มีมิติ ดูไม่แบน ผิวดูสุขภาพดีค่ะ

odbo Professional Three color blush

odbo Professional Three color blush

odbo Professional Three color blush

เปรียบเทียบหน้าตรงให้ชัดๆไปเลยจ้า

odbo Professional Three color blush



odbo Professional Three color blush

เปรียบเทียบให้ดูกันทั้ง 3 สเต็ปเลยว่ายิ่งปัดแก้ม ยิ่งช่วยให้หน้าดูมีสุขภาพดีขึ้น ยิ่งเพิ่มสีที่มีประกายที่แก้มลงไป ก็ช่วยให้หน้าดูมีมิติ หน้ามองมากขึ้นค่ะ

odbo Professional Three color blush

สิ่งที่มิ้วชอบเลยก็คือ เนื้อมีความเกลี่ยง่ายมาก แล้วก็ไม่มีฝุ่นผงหกเลอะเทอะด้วย
ยิ่งเอามาผสมกันก็จะได้สีที่มีความเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้นค่ะ

odbo Professional Three color blush

odbo Professional Three color blush


สรุปแล้วเลยก็คือเป็นพาเลทที่ทุกคน ทุกสีผิวควรมี
ใช้ได้กับทุกโอกาส
 ทุกการแต่งหน้า
odbo Professional Three color blushodbo Professional Three color blush

 พกไปเที่ยวได้เพราะพาเลทค่อนข้างเบา แบนๆ
มีสีให้ปัดแก้มให้ได้เลือกถึง 2 สี

odbo Professional Three color blush

อยากหวานสุขภาพดีก็ปัดด้วยสีชมพู
อยากสนุกๆ เปรี้ยวๆก็ปัดด้วยสีส้ม
อยากให้หน้าดูมีมิติเป็นประกายก็ปัดด้วยสีที่มีประกายเลยจ้า

dbo Professional Three color blush


หวังว่าจะถูกใจนะคะสำหรับใครที่กำลังมองหาสีปัดแก้มถูกและดีคุ้มค่าคุ้มราคาอยู่ ลองไปซื้อหากันได้เลยค่า ไม่ผิดหวังแน่นอน



odbo Professional Three color blush

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562

รีวิว รองพื้นแตงโม โอ้โห!!! ต้องดีขนาดนี้เลยป้ะ???

Sistar

Watermelon Matte Foundation


สวัสดีค่ะทุกท่าน รีวิวนี้สายถูกและดี หรือใครที่กำลังมองหารองพื้นดีๆในเซเว่นอยู่ล่ะก็ ต้องติดตามเลยจ้าเพราะมิ้วมีรองพื้นแบบซองตัวใหม่จาก Sistar มาแนะนำ นั่นก็คือ Sistar Watermelon Matte Foundation นั่นเอง จะดีงามพระรามเก้าคาเฟ่ขนาดไหนนั้น ไปติดตามรายละเอียดได้เลยจ้า


เรียกว่าเป็นอะไรที่หน้าตื่นตาตื่นใจมากๆเลยค่ะ ที่แบรนด์ Sistar ได้มีรองพื้นออกมา แล้วเห็นรีวิวของแต่ละคนแล้วดีงามมากๆ มิ้วเลยเอามาลองใช้และมารีวิวให้ทุกคนได้ชมกันจ้า เผื่อจะเอาไปประกอบการตัดสินใจในการซื้อกันนะคะ




Sistar Watermelon Matte Foundation เป็นรองพื้นเนื้อแมตต์ ซึ่งเขาบอกว่าช่วยคุมมัน ไม่ทำให้อุดตัน ไม่ทำให้เกิดสิวใหม่ กันน้ำกันเหงื่อ เกลี่ยง่าย ปกปิด หน้าไม่ดรอประหว่างวัน แถมเขายังมี กันแดด SPF50  อีกด้วย สีรองพื้นเหมาะกับสาวผิวสีเหลือง ไปจนถึงผิวสองสีค่ะ



ส่วนประกอบในตัวรองพื้นแตงโมก็เช่น
สารสกัดจากแตงโม       ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ฟิ้นบำรุงผิวให้ดูมีสุขภาพดี
คอลลาเจน                      ช่วยให้ผิวดูเรียนเนียนนุ่มละเอียด
ไฮยาลูรอน แอซิด          ช่วยบำรุงผิวที่แห้งกร้าน ให้ดูชุ่มชื้นสบายผิว




ตัวซองมาในปริมาณ 8 กรัม ราคา 39 บาท ขนาดพกพาง่าย ซองสีดำ แดง เขียว เป็นเอกลักษณ์ของแตงโมนั่นเองค่ะ ด้านหหลังเป็นสรรพคุณ วิธีใช้ รวมไปถึง คุณภาพการปกปิด ติดทน คุมมันต่างๆ ช่วยให้เรามองเห็นภาพมากขึ้นได้ด้วยค่ะ


เนื้อรองพื้นมาในสีอมเหลืองเหมาะกับคนไทยเลยค่ะ ความเข้มข้นของรองพื้นก็ไม่เหลวไป ไม่ข้นจนเกินไปค่ะสำหรับมิ้ว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่น พอลองทาไปที่หลังมือก็รู้สึกว่าเนื้อรองพื้นเกลี่ยง่ายจริงๆแป๊บเดียวก็ทั่วหลังมือแล้วค่ะ



มิ้วจะใช้รองพื้นหลังทาสกินแคร์ และกันแดดเสร็จ โดยการใช้นิ้วมือ แต้มไปให้ทั่วใบหน้าก่อน แล้วใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง 3 นิ้ว นี้ในการเกลี่ยและกดค่ะ การกดจะช่วยให้เนื้อรองพื้นเข้าไปในผิวมากยิ่งขึ้น แล้วก็ค่อยๆเกลี่ยให้รองพื้นทั่วกันทั้งหน้า สลับกันไปแบบนี้จบกว่าจะรู้สึกว่ารองพื้นทั่วหน้าค่ะ

แล้วก็ค่อยมาย้ำตรงที่เราจะปกปิดอีกทีหนึ่ง อย่างเช่น มิ้วมีรอยคล้ำใต้ตาก็จะทาที่ใต้ตาอีกรอบหนึ่งนั่นเองค่ะ


ตอนเกลี่ยมิ้วรู้สึกว่ารองพื้นเกลี่ยง่ายมากๆค่ะ มากกว่ารองพื้นบางตัวที่แห้งไวไปหน่อย หรือเหลวไปก็ทำให้รองพื้นไม่สม่ำเสมอกัน แต่ตัวนี้ไม่เป็นเลยค่ะ


หลังทาเสร็จเพียงหนึ่งข้างก็จะเห็นว่าสีผิวที่หน้าของมิ้วดูสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ไม่หน้าไม่ลอยเลยค่ะ การปกปิดก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ผิวหน้าดูไม่มัน ออกฉ่ำๆ ไม่แห้งค่ะ ถึงจะเขาบอกว่าจะเป็นรองพื้นเนื้อแมตต์ก็ตาม


หลังทาเสร็จทั้งหน้าก็จะเห็นว่า หน้าไม่ได้ลอยเลยค่ะ สีดูเข้ากับผิวมิ้วมากๆเลย หน้าดูเป๊ะ ผิวดูปัง อย่างที่เขาบอกจริงๆจ้า


หลังแต่งหน้าเสร็จก็จะออกมาเป็นประมาณนี้จ้า


รู้สึกว่าสามารถแต่งหน้าต่อได้ง่ายมากเลยค่ะ มิ้วเพิ่มสีน้ำตาลบริเวณกรอบหน้า และสันจมูกช่วยให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น ดูน่ามองมากขึ้นค่ะ


หน้าดูเนียนกริบ ไม่กลัวมันเลยจ้า



ในส่วนของการกันน้ำก็ทำได้ดีไม่แพ้กันจ้า มิ้วทดสอบด้วยการฉีดน้ำลงบนหลังมือฝั่งที่ทารองพื้น แล้วเอามาลูบๆหลังมือดู ผลที่ได้ก็คือ รองพื้นยังติดดีอยู่จ้า ดีงามจริงๆ


เรียกได้ว่าเป็นรองพื้นที่กันน้ำได้ดีเลยทีเดียวค่ะเพราะจะเห็นว่ามีหยดน้ำเป็นเม็ดๆเกาะอยู่ตามหลังมือ



เรามาสรุปกันดีกว่านะคะว่ามิ้วให้คะแนนไปเท่าไหร่ (ในความคิดของมิ้วนะคะ)
การเกลี่ยง่าย 10/10 (ใช้นิ้วมือก็เกลี่ยได้ดีค่ะ ใช้ฟองน้ำช่วยเกลี่ยหน้าก็จะเนียนดูเป็นผิวเข้าไปอีกค่ะ)
การติดทน      9/10 (เมื่อลองทาแล้วออกไปข้างนอกจริงๆก็ติดทนได้ดีเลยค่ะ แต่จะมีช่วง T โซนก็คือช่วงจมูก คาง ที่รองพื้นหลุดออกไปบ้าง)
การกันน้ำ       9/10 (ตัดออกไป 1คะแนนเพราะรองพื้นจะค่อยๆหลุดไปทีละนิดหลังจากที่เราเอามือไปถูค่ะ ถ้าไม่เอาไปถูก็คือจะไม่หลุดค่ะ)
สีเข้ากับผิว     9/10   (ตอนแรกไม่ได้คิดว่ามันจะเข้ากับผิวเราขนาดนี้ แต่ผลที่ได้นี่เกินคาดค่ะ)
ความคุมมัน    8/10   (คือขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและสภาพากาศด้วยค่ะ ของมิ้วจะมันช่วง T โซนเมื่อผ่านไป 4-5 ชั่วโมง)



มิ้วคิดว่า ตัวรองพื้นแตงโม หรือ Sistar Watermelon Matte Foundation ตัวนี้ เหมาะมากๆ สำหรับ
นักเรียน นักศึกษา
คนที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้า
มือใหม่ ที่ต้องการรองพื้นที่ปกปิด ติดทน คุมมัน
คนที่มีผิวมัน
หรือแม้กระทั่งคนงบน้อย สายถูกและดีทั้งหลายแหล่ค่ะ
แล้วก็คนขี้ลืม ที่ชอบลืมรองพื้น เพราะสามารถหาซื้อได้ง่ายตามเซเว่นเลยจร้า

นอกจากนี้ก็ยังประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเครื่องสำอางด้วยเพราะไม่ต้องพกรองพื้นเป็นขวดๆไป ไม่ต้องกลัวขวดแก้วแตกหรือหกเลอะเทอะเลยค่ะ


และสำหรับใครที่อยากมีผิวเป๊ะ หน้าปัง แต่มาในราคาถูกและดี ก็ลองไปหามาใช้กันได้นะคะ สำหรับ Sistar Watermelon Matte Foundation มาในราคา 39 บาท ปริมาณ 8 กรัม ที่เซเว่นทุกสาขาค่ะ

หรือสามารถ ติดตามโปรโมชั่น และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/sistarbeautyskin/
Line: @sistarbeautyskin
www.sistarbeautyskin.com


วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ให้แบรนด์เราเป็นเรื่องสำคัญกับ Derma innovation

Derma-innovation


สวัสดีค่าทุกคนรีวิวนี้เหมาะมากๆเลยสำหรับใครที่กำลังสร้างแบรนด์หรืออยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือมองหาโรงผลิตสกินแคร์ เครื่องสำอาง คุณภาพดี พรีเมี่ยมอยู่ มิ้วขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ ที่ Derma innovation ไปดูกันค่ะว่าทำไมเราถึงต้องมาทำแบรนด์กับที่นี่ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลยจร้า



เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มิ้วได้มีโอกาสไปร่วมอบรมกับทาง Derma innovation มาค่ะ การเดินทางก็สะดวกนะคะ  โดยมิ้วเดินทางมากจากที่บ้านลพบุรีด้วยรถตู้ มาลงที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต แล้วเดินไปที่ท่ารถตู้เมเจอร์ มองหารถที่ไปปากเกร็ด จากนั้นมิ้วก็ไปลงที่ เซนทรัลแจ้งวัฒนะ แล้วข้ามสะพานมาซอยปากเกร็ด19 จากนั้นนั่งพี่วินเข้ามาถึงบริษัทเลยค่ะ


พอมิ้วเข้ามาก็รู้สึกได้ถึงความหรูหราตั้งแต่แรกเลยค่ะ ทั้งการตกแต่ง ดีไซน์ของดึก เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้และพี่ๆพนักงานต้อนรับทั้งหมดใจดีและต้อนรับกันดีมากๆเลยค่ะ


ที่พักรับรองหรูหราน่ามองมากๆค่ะ 


เข้ามาก็รู้สึกอยากเริ่มทำแบรนด์เป็นของตัวเองแล้ว


แบรนด์ต่างๆที่เคยร่วมงานกับทางบริษัทค่ะ



หลังจากนั้นมิ้วก็ขึ้นมาที่ชั้น 2 เพื่อมาอบรมการสร้างแบรนด์นั่นเองค่ะ โดยบรรยากาศก็เป็นกันเองมากๆ แถมได้เจอเจ้าของแบรนด์ ต่างๆที่มาอบรมแบบจริงๆด้วย





อีกทั้งในงานยังมีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทางบริษัทผลิตเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นครีม รองพื้น สกินแคร์บำปรุงผิวต่างๆ เซรั่ม แพคเกจจิ้งก็คือสวยและดีงามมากๆเลยค่ะ





แล้วก็เริ่มการอบรมกันค่ะ อ้อก่อนเข้าเนื้อหาก็ได้มีการแนะนำผู้บริหารกันด้วย โดยมีพี่เอก บุคคลที่มิ้วชื่นชอบและติดตามการทำงาน ตอนที่พี่เขาออกรายการต่างๆเป็นหนึ่งในผู้บริหารด้วยค่ะ โชคดีมากๆเลยที่ได้เจอตัวจริง แต่ลืมขอถ่ายรูปด้วย แง่.....



หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู้เนื้อหากันค่ะ เริ่มด้วยการพูดถึงเทรนด์โลกในปี 2020 ที่จะมีการใช้ผลิตภํฑ์ที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น รวมไปถึงทั้งแพคเกจจิ้ง บรรจุภัณ และส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ของเรานั่นเองค่ะ นอกจากนี้ก็ยังพูดถึงว่า การเริ่มจะทำแบรนด์ เราต้องรู้อะไรบ้าง ต้องมีอะไรบ้าง ซึ่งคนที่มาทำแบรนด์ ทำผลิตภัณฑ์กับทางบริษัทจะได้การอบรมนี้ฟรีเลยค่ะ คือสงสัยอะไรยังไงก็สามารถสอบถามตอนนั้นได้เลย แล้วมิ้วก็ได้เจอเจ้าของทำแบรนด์ทั้ง สบู่อาบน้ำ ครีมทาผิว เซรั่มผิวหน้า ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็ยังเป็นแบรนด์น้องใหม่ด้วยค่ะ


หลังจากกนั้นก็พักเบรกกันค่ะ โดยเครื่องดื่มที่ทางบริษัทนำมารับรองก็คือ น้ำส้มผสมคอลลาเจนที่ทางบริษัทผลิตเอง(ซึ่งอร่อยมากเวอร์) แล้วก็โดนัดค่ะ 


โดยเราพักเบรกกันที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นสถานที่รับรองแขกอีกชั้นหนึ่ง มีทั้งห้องประชุม ห้องแสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งทางบริษัททำร่วมกับลูกค้าต่างๆ ดารา ศิลปิน คนดังหลายๆท่านก็มาทำที่นี่ค่ะ ซึ่งมีตัวอย่างเยอะแยะมากเลยเลย ทั้งกล่อง ตัวขวด ตัวเซรั่ม ก้อนสบู่ รวมทั้งเจ้าของแบรนด์ก็สามาถออกแบบตัวกล่องเองได้อีกด้วยค่ะ


ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ผลิตกับทางบริษัทค่ะ


ตัวกระปุก และขวดก็มีให้เลือกหลายแบบเลยทีเดียว สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ 


มาทั้งแบบหลอด แบบซอง ขวดเซรั่ม กระปุก แล้วก็ขวดด้วย


แบบก้อนสบู่ ก็มีให้เลือกหลายแบบค่ะ เผื่อใครอยากเป็นเจ้าของแบรนด์สบู่




ตัวอย่างกล่องก็มา สวยๆน่าหยิบ น่าซื้อมากเลยค่ะ



ตัวกระปุกใส่ครีม และรองพื้นก็มา



ตัวขวดที่เอาไว้ใส่ครีมทาผิวก็มีค่ะ


ใครอยากให้แบรนด์ดูหรูหรา ต้องเน้นสีเงินสีทอง 





 แบรนด์สบู่ของพี่โอปอล ก็ผลิตกับทางบริษัทนี้ด้วยจร้า ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ





นอกจากนี้ก็ยังมีตู้แสดงรางวัลต่างๆบ่งบอกถึง คุณภาพและมาตรฐานของทางบริษัทด้วยค่ะว่ามีความน่าไว้วางใจ ในผลิตสินค้าเป็นอย่างมาก


แล้วที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ทางเจ้าของบริษัทชอบสะสมโมเดลรถมากๆ เพราะจะมีโมเดลรถมาตั้งไว้อยู่หลายๆที่ ซึ่งพี่ๆทีมงานบอกว่านี่แค่ส่วนหนึ่งที่มาโชว์เท่านั้นค่ะ สะท้อนถึงความชอบส่วนตัวของเจ้าของบริษัทจริงๆ




หลังจากพักเบรคแล้วก็มาอบรมกันต่อค่ะ โดยช่วงบ่ายทางทีมงานก็จะพูดถึงการตลาด โดยลงลึกไปทางออนไลน์นั่นก็คือ Facebook นั่นเองค่ะ พี่ๆก็จะสอนเจ้าของแบรนด์ตั้งแต่การสร้างเพจร้านค้า การตั้งค่าต่างๆ รวมไปถึงการยิงแอดโฆษณาใน Facebook เรียกได้ว่า สอนแบบละเอียด ทำให้ดูทีละขั้นตอนไปพร้อมๆกันเลยค่ะ ถ้าใครสงสัยอะไรก็ถามได้เลยทุกคนพร้อมให้คำตอบมากๆค่ะ


ซึ่งก่อนกลับมิ้วก็ได้ผลิตภัณฑ์จากทางบริษัทเอามาลองใช้ด้วยค่า มิ้วเลยมารีวิวคร่าวๆให้ทุกคนฟังว่าผลิตภัณ์จากที่นี่นั้นดีงามอย่างไรบ้าง


ตัวแรกที่มิ้วได้รับมาก็จะเป็น โลชั่นทาตัว ชื่อว่า Cotton Body Lotion With Organic Argan Oil & Hokkaido Milk


เป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมทั้งน้ำมันอาร์แกน โจโจ้บาร์ น้ำมันโอลีฟ รวมไปถึงนมฮอกไกโด ช่วยในเรื่องของการเติมความชุ่มชื่นช่วยให้สีผิวกระจ่างใสดูสม่ำเสมอค่ะ


ตัวขวดก็ขนาดกระทัดรัดปริมาณ 180 ml. มาในแบบหัวปั๊ม ทำให้กดใช้สะดวกมากค่ะ 


เนื้อก็มีความว่าไม่หนักไป ไม่เหลวไป กลิ่นก็มีความหอมละมุนมากๆ แบบกลิ่นนมอ่อนๆผสมกับแป้งเด็ก แถมทาง่ายซึมไว หลังทาผิวก็ดูชุ่มชื่น ไม่เหนียว  เหมาะกับอากาศเย็นๆตอนนี้มากเลยค่ะ 



อีกตัวนึงก็จะเป็น Organic Wild Olive Micellar Water คลีนซึ่งลบเครื่องสำอางแบบออแกนิกนั่นเองค่ะ


มีส่วนผสมเช่น Tea Tree Oil, Green tea, Ginkgo Extract มาในปริมาณ 100 ml. นั่นเองค่ะ ตัวขวดมาแบบเล็กกระทัดรัด ขวดพลาสติกใส ฝามาแบบเปิดปิด สามารถใช้งานได้ง่ายค่ะ


เนื้อคลีนซิ่งจะเป็นน้ำเหลวใสๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสดชื่นค่ะ
มิ้วลองทดสอบการลบเครื่องสำอางจากการลองทา รองพื้น อายไลน์เนอร์ มาสคาร่า ลิปแมท ที่กันน้ำทั้งหมดที่หลังมือ แล้วลองใช้สำลีชุบ คลีนซิ่ง ให้ทั่วเอามานาบที่หลังมือของเราซึ่งทิ้งไว้ ประมาณ 10 วินาที จากนั้นก็ค่อยๆลูบออกมาค่ะ



จะเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างออกมากับสำลีทั้งหมดเลย แสดงว่าตัวคลีนซิ่ง สามารถลบเครื่องสำอางออกได้หมดจดจริงๆค่ะ แถมหลังเช็ดเสร็จหลังมือกยังชุ่มชื้น ไม่แห้งตึงแต่อย่างใดด้วย

แสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากที่นี่ มีคุณภาพ พรีเมี่ยม ใส่ใจตั้งแต่ ส่วนผสม กระบวนการผลิต รวมไปถึงตัวบรรจภัณฑ์ ทำให้ได้ของที่มีคุณภาพดี น่าซื้อ น่าใช้ นอกจากนั้น ที่นี่ก็ยังมีอบรมการตลาดทั้งในประเทศ ต่างประเทศ และการสร้างแบรนด์ให้ฟรีอีกด้วย มิ้วไปเข้ารับการอบรมมาก็รุ้สึกว่า อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองเลยค่ะ แต่ขอไปคิดก่อนว่าอยากทำอะไรดี :)



โดยทาง Derma innovation มีนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเฉพาะทาง มีกระบวรการการผลิตที่ทันสมัยจากประเทศเกาหลี และยังได้รับมาตรฐานจาก ASEAN GMP,ISO 9001, ISO22716 (GMP EUROPE), Halal ด้วยค่ะ  รับผลิตเริ่มต้นที่ 500 ชิ้น ราคา เริ่มต้นที่ 50,000 บาทค่ะ

เรียกได้ว่า ถ้าใครอยากเป็นเจ้าของธุรกิจสกินแคร์ หรือเครื่องสำอาง Derma innovation เป็นที่ๆรวมทุกอย่างเอาไว้แล้วค่ะ ถ้าใครสนใจก็ลองมาคุยกับพี่ๆเขาก่อนได้ค่ะ ทุกคนเป็นกันเองมากจริงๆ

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.derma-innovation.com/   ได้เลยนะคะ