แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กระจ่างใส แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กระจ่างใส แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

กู้ผิวหมอง สู่ผิวสวย ด้วย Vit C 15% จาก No7 | MG-Review


No7
Radiance+ 
15% Vitamin C Serum




เมื่อสัปดาห์ก่อนมิ้วได้ไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆมากค่ะที่สมุย ทำให้ผิวที่ได้กลับมาก็จะเป็น สีแทนสลับกับสีผิวตัวเองบ้าง เป็นรอยชุดว่ายน้ำบ้าง ฮ่าๆ ถือเป็นโอกาสดีเลยค่ะ ที่มิ้วจะได้มารีวิว No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum ที่เขาบอกว่า ช่วยให้ผิวดูโกลว์และเปล่งประกายตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ มิ้วใช้แล้วจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยค่ะ


อย่างที่บอกนะคะว่ามิ้วได้ไปเที่ยวสมุยกับพื่อนมากซึ่งถึงแม้ว่าจะมีฝนตก แต่พอแดดออกมาทีก็แรงไม่แพ้กันเลยค่ะ ผิวที่ได้กลับมาในช่วงนี้ก็คือจะเป็นรอยคล้ำตามชุดว่ายน้ำเลยค่ะ ฮ่าๆ


เรื่องของผิวตัวเดี๋ยวเราค่อยมาพูดกันว่าใช้อะไร แต่ในส่วนของผิวหน้า และบริเวณรอบๆมิ้วจะใช้เป็นตัวนี้ค่ะ
No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum  หรือ เซรั่มวิตามินซี นัมเบอร์เซเว่น ซึ่งเขาเคลมไว้เลยว่า ผิวโกลว์  กระจ่างใส ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ด้วย 


โดยเขามีวิตามินซีเข้มข้นถึง 15% ที่ตรงเข้าช่วยฟื้นฟูผิวของเราที่คล้ำเสียให้ดูกระจ่างใส ค่อยๆปรับโทนสีผิวให้แลดูเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติเลยค่ะ


ตัวกล่องจะมาในสีส้มสดใส มีคำอธิบายและวิธีใช้แบบเป็นภาษาไทยไว้ให้ด้วยค่ะ



ตัวขวดมาแบบเป็นหลอดแก้วสีชา ซึ่งดีต่อการเก็บพวกวิตามินซีมากค่ะ เพราะถ้าเก็บแบบแก้วใสวิตามินซีจะไม่มีประสิทธิภาพมากนักค่ะ มาในขนาด 25 ml. ปริมาณกำลังดีเลยค่ะ มีฉลากข้างขวดที่เป็นภาษาอังกฤษด้วย
 

 ตัวฝาจะมาเป็นแบบหลอดหยดค่ะ สะดวกในการใช้มาก


ตัวเนื้อจะเป็นเซรั่มบางเบา กลิ่นเป็นส้มแบบอ่อนๆ หอมสดชื่นค่ะ เกลี่ยง่ายมาก ซึมไปกับผิวเลยไม่เหนียวเหนอะหนะเลยค่ะ 



ตอนที่มิ้วใช้ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว มิ้วก็หยดเซรั่มมาประมาณ 3-4 หยด เอามาวอร์มๆที่ฝ่ามือ 




จากนั้นนาบไปที่ข้างแก้ม หน้าผาก คอ และช่วงออกที่มีรอยคล้ำนั่นเองค่ะ


จากนั้นก็นวดให้ทั่วๆหน้า เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า และลำคอค่ะ 


ความรู้สึกตอนเกลี่ย 
ก่อนทา ผิวแห้งหลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ผิวมีความหมองคล้ำจากแดด
ขณะทา เนื้อเซรั่มบางเบา เกลี่ยง่าย ได้กลิ่นหอมส้มอ่อนๆด้วยค่ะ
หลังทา ผิวดูชุ่มชื่น อิ่มน้ำ ดูมีออร่า ผิวดูกระจ่างใสขึ้นมานิดนึงจนรู้สึกได้เลยค่ะ


ผลเปรียบเทียบหลังใช้ไป 7 วัน



สองรูปนี้คือเปรียบเทียบได้ชัดเจนเลยค่ะอาจจะมีการแต่งหน้าช่วยด้วยนิดหน่อยแต่รู้สึกได้เลยค่ะว่าผิวมีความสม่ำเสมอ และกระจ่างใสขึ้นมามากกว่าที่เคยเลยค่ะ ถือว่าเป็นการกู้ผิวหน้า หลังจากไปทะเลได้อย่างดีเยี่ยม


สิ่งที่ชอบในตัว No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum
เนื้อลื่น เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ผิวดูกระจ่างใสตั้งแต่ครั้งแรกจริงๆค่ะ
ไม่แสบ ไม่คัน ไม่แพ้แต่อย่างใด
มีกลิ่นหอมส้มอ่อนๆตอนทา

      

ใครที่เหมาะกับ No7 Radiance+ 15% Vitamin C Serum
คนที่อยากมีผิวกระจ่างใส
คนที่ต้องการกูผิวใสอย่างเร่งด่วน
คนที่ไม่แพ้ ส้ม และวิตามินซี


คำแนะนำ
ถ้าใช้เซรั่มในตอนกลางวัน อย่าลืมทาต่อท้ายด้วยครีมกันแดดนะคะ เพราะวิตามินซีจะเสื่อมสภาพง่ายเมื่อเจอแสงแดด

หรือเราจะทาเซรั่มในตอนกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆก็ได้ค่ะ

ควรเก็บขวดเซรั่มให้พ้นแสงแดดด้วยนะคะป้องกันไม่ให้เซรั่มข้างในโดนแสงนั่นเอง

นอกจากเราจะใช้เซรั่มวิตามินซีที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสแล้ว การสครับ การกินอาหาร ต่างๆก็ยังส่งผลกับสภาพผิวของเราด้วยนะคะ ควรทำให้ครบทุกด้าน ผิวของเราจะได้สวย และใสอย่างที่เราต้องการค่ะ และทั้งนี้ก็ต้องใช้เวลาในการเห็นผลค่ะ อย่ารีบ เพื่อผิวสวยจากภายในค่ะ

 
แต่สำหรับใครที่อยากได้ เซรั่มวิตามินซีไปลองแบบมิ้วก็สามารถหาซื้อได้ที่ 
ร้านบู๊ทส์ทุกสาขา ราคา 790 บาท หรือทางออนไลน์ ที่





อยากให้ทุกคนมีผิวที่สวยโกลว์กันถ้วนหน้าค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันจนจบค่ะ ไว้เจอกันใหม่ในรีวิวผิวตัวนะคะว่าใช้อะไรมากูผิวอีก ไว้ติดตามในรีวิวหน้าค่า










วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

กักเก็บน้ำให้กับผิวด้วย Smooto Aloe & Tomato Mineral Spray

Smooto
Aloe & Tomato Mineral Spray


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้ใครที่กำลังมองหาสเปรย์น้ำแร่ ในเซเว่นอยู่ละก็ มาถูกทางละจร้า เพราะมิ้วมี ผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์ Smooto มาแนะนำ นั่นก็คือ Smooto Aloe & Tomato Mineral Spray ซึ่งนอกจากจะเป็นสเปรย์น้ำแร่ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแล้ว ก็ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายเลยทีเดียว มิ้วใช้แล้วจะเป็นอย่างไร มีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า


Smooto Aloe & Tomato Mineral Spray เป็นสเปรย์น้ำแร่ที่นอกจากจะอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่หลากหลายแล้ว ก็ยังมีผสมของว่านหางจระเข้ ไฮยาลูรอนิค แอซิด อัลลันโทอิน ช่วยในเรื่องของความชุ่มชื่น กักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม เรียบเนียน ให้การแต่งหน้าติดทนนานยิ่งขึ้น และก็ยังมีส่วนผสมจากมะเขือเทศ ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสอีกด้วยค่ะ 

หรือเรียกได้ว่า เป็นสเปรย์น้ำแร่ล็อคเมคอัพ ที่ช่วยบำรุงผิวชุ่มชื้นตลอดวัน นั่นเองค่ะ

 
เขาบอกว่ามาด้วยกันถึง 5 คุณประโยชน์ใน 1 เดียว นั่นก็คือ
1. ฉีดก่อนแต่งหน้า ช่วยเตรียมผิวให้ได้รับการบำรุง
2. ฉีดหลังแต่งหน้า ช่วยให้การแต่งหน้าติดทนนาน
3. ฉีดระหว่างวัน ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ
4. ช่วยให้ผิวผ่อนคลาย เย็นสดชื่น
5. สเปรย์ผิวหลังออกแดด ช่วยปลอบประโลมผิวได้ดี

และสเปรย์ก็ยังมีความสดชื่นไม่ระคายเคืองต่อผิว ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ค่ะ



ตัวกระป๋องมาในขนาดกระทัดรัด ปริมาณ 50 ml. มีสีสันน่ารัก พกพาไปใส่กระเป๋าเครื่องสำอางได้สบายค่ะ 
ฝามีสีเขียวสะดุดตา นอกจากจะทำให้หาง่ายแล้วก็ยังทำให้รู้สึกสดใสทุกครั้งที่ได้มองด้วย 
เปิดมาจะเจอหัวที่เป็นสเปรย์ค่ะ

ราคา 129 บาท จำหน่ายที่ 7-11


เมื่อลองฉีดสเปรย์ลงบนหลังมือแล้วลองดูที่หัวสเปรย์ก็จะเห็นว่า ละอองมีความกระจายเป็นวงกว้างดีงาม มากๆ ผิวรู้สึกเย็นสดชื่น หลังมือดูชุ่มชื้นขึ้นกว่าก่อนฉีดสเปรย์ค่ะ


เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ด้านที่ฉีดสเปรย์ดูมีความชุ่มชื้นกว่าก่อนฉีดสเปรย์นั่นเอง


เมื่อมิ้วลองสเปรย์ลงบนฝ่ามือดูนานๆ เพื่อดูเนื้อ ก็จะเห็นว่าเนื้อสเปรย์มีสีขาวขุ่นๆค่ะ เนื่องจากมีส่วนผสมที่ได้บอกไปเมื่อตอนแรกนั่นเอง ส่วนกลิ่นก็หอมอ่อนๆค่ะ ไม่เหม็น ไม่ฉุนแต่อย่างใด


เมื่อเปลี่ยนฉากเป็นสีดำ ยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่า ละอองสเปรย์มีการกระจายดีมากๆค่ะ



มิ้วจะใช้สเปรย์ก่อนแต่งหน้า ก็คือหลังทาสกินแคร์เสร็จแล้ว หรือก่อนเราจะลงสกินแคร์ก็ได้ค่ะ 


หลังฉีดสเปรย์มิ้วรู้สึกว่า ใบหน้า เย็นสดชื่นขึ้น ผิวดูชุ่มชื้นขึ้นมากกว่าก่อนฉีดสเปรย์นั่นเอง


หลังแต่งหน้ามิ้วก็ฉีดสเปรย์ทับอีกครั้งนึงเพื่อให้ผิวหน้าดูชุ่มชื่นขึ้น และเมคอัพติดทนยิ่งขึ้นค่ะ หรือเวลาที่เรารู้สึกว่าหลังทาแป้งแล้วหน้าดูแห้งเกินไป ก็สามารถฉีดสเปรย์เพื่อให้ผิวหน้าดูชุ่มชื่นเพิ่มขึ้นได้อีกเช่นกันค่ะ


หลังฉีดสเปรย์ก็รูสึกว่าใบหน้าดูชุ่มชื้นขึ้นมากขึ้นทีเดียวค่ะ ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อน ยิ่งช่วยให้ใบหน้าดูสดชื่นเข้าไปใหญ่ค่ะ


และในระหว่างวัน ตอนที่เรารู้สึกว่าหน้าดูเหนื่อย อากาศร้อน ก็สามารถฉีดสเปรย์ทับระหว่างวันได้เลยค่ะเพื่อเพิ่มความสดชื่นและป้องกันมลภาวะไปในตัวด้วยนั่นเอง 



เรียกได้ว่า Smooto Aloe & Tomato Mineral Spray ช่วยให้ผิวหน้าของเราเพิ่มความสดชื่น ได้ดีมากๆเลยค่ะ แล้วยิ่งช่วงนี้อากาศร้อนด้วย การที่เรามีสเปรย์ไว้ฉีดระหว่างวันก็เป็นการช่วยให้ผิวของเรารู้สึกดีขึ้นมากๆเลยค่ะ แถมลดความเหนื่อยล้าด้วยค่ะ



โดยรวมแล้วสิ่งที่มิ้วชอบใน Smooto Aloe & Tomato Mineral Spray ก็คือ
- ละอองสเปรย์มีความกระจายดีมากฉีดไม่นานก็ทั่วหน้าแล้วค่ะ
- หลังฉีดสเปรย์ผิวน้าดูชุ่มชื่นดีค่ะ หน้าไม่เปียกจนเกินไป (เพราะสเปรย์บางตัวหัวฉีดดูใหญ่เกินไป อาจจะทำให้เนื้อออกมาเยอะเกินหน้าเราจะเปียกแล้วเปลืองเนื้อผลิตภัณฑ์ด้วยค่ะ)
- ง่ายต่อการพกพาค่ะ เพราะกระป๋องมีขนาดกระทัดรัดแถมสีสันสะดุดตาหาได้ง่ายด้วยค่ะ
- ซื้อหาง่ายด้วยค่ะ เพราะมีขายใน 7-11 นั่นเอง


เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับ รีวิว Smooto Aloe & Tomato Mineral Spray ที่มิ้วเอามารีวิวให้ดูในวันนี้ หวังว่าจะถูกใจคนที่กำลังมองหาสเปรย์น้ำแร่ ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นและบำรุงไปในตัว แถมปกป้องมลภาวะไปด้วย ครบจบในตัวเดียวแบบนี้ แต่หาซื้อได้ง่ายมากๆเลยค่ะ ถ้าใครสนใจก็อย่าลืมไปหาซื้อกันได้นะคะที่ เซเว่นทุกสาขาค่ะ




วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562

ดูแลหน้าแบบสวยครบสูตร ด้วย Estitude Skincare (สกินแคร์คุณหมอ) | MG-Review

Estitude Skincare


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้มิ้วจะมาพูดถึงสกินแคร์ ที่จะมาช่วยให้ทุกคนได้สวยครบสูตร เหมือนมีคุณหมอมาดูแลด้วยตัวเองเลยค่ะ สกินแคร์ที่มิ้วพูดถึงนั้นก็คือ Estitude Skincare นั่นเอง มาด้วยกันถึง 3 ตัวเลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เซรั่ม ครีมบำรุง ละกันแดด รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า





Estitude Skincare เป็นเวชสำอางที่ถูกคัดสรรค์โดย คุณหมอกัน รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ ที่ปรึกษาด้านความงามจาก ธีระธรฌ์คลินิก นั่นเองค่ะ โดยคุณหมอมีโจทย์ว่า มีเงินหลักร้อยก็สามารถสวยได้ เหมือนมีคุณหมอมาดูแลผิวหน้าส่วนตัวที่บ้านนั่นเองนอกจากนี้ยังเป็นเวชสำอางที่ผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีด้วย จึงมั่นใจในคุณภาพได้เลย คนที่มีผิวแพ้ง่ายต่างๆก็สมารถใช้ได้ค่ะเพราะเป็นครีมที่ผลิตโดยคุณหมอ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แน่นอน โดยมิ้วได้ลองใช้ทั้งหมด 3 ตัวค่ะนั้นก็คือ

1. MULTI SKIN BOOSTER SERUM

2. MULTI VITAL NOURISHING CREAM

3. MULTI SUNSCREEN SPF 50 PA+++


แต่ละตัวจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยจร้า





MULTI SKIN BOOSTER SERUM 


เป็นเซรั่มที่มีเนื้อบางเบา ช่วยให้ผิวของเรามีควากระจ่างใส ดูมีออร่า มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นค่ะ ที่เขาบอกว่าช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสก็เพราะว่า มีส่วนสารสกัดจาก

- Citrus fruit extract
ช่วยขจัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

- Malpighia Punicifolia (Acerola) Fruit Extract
ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระเพราะมีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 10 เท่า

- Oryza Sativa Extract
ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย

- Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Oil
ช่วยลดริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นด้วยวิตามิน B

- Carica papaya fruit extract
ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยให้ผิวนุ่มไม่หยาบกร้าน ด้วย วิตามิน C Carotenoid Papain



ตัวขวดมาเป็นแบบสี่เหลี่ยม สีสีนสวยงาม ขนาดจุใจ มาในประมาณ 20 ml ด้านตัวฝาเป็นหลดหยดค่ะ 


เมื่อหยดเนื้อเซรั่มลงบนหลังมือจะเป็นว่าเนื้อเซรั่มค่อนข้างเหลวเลย สีออกขาวขุ่น เหมือนสีไข่มุกก็ว่าได้ กลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ

เมื่อทาลงบนหลังมือก็จะเห็นว่าเนื้อเซรั่มมีความลื่น เกลี่ยง่ายมากๆ แถมซึมไวอีกต่างหาก หลังทาบนหลังมือก็ไม่มันเยิ้มค่ะ


มิ้วจะใช้เซรั่มเป็นตัวแรกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ หยดเซรั่มลงบนฝ่ามือแล้ววนๆที่ฝ่ามือ จากนั้นก็ทาไปที่ใบหน้าด้วยการวนๆออกจากใบหน้าค่ะ แล้วก็ทาคอดด้วยคอเราจะไม่เหี่ยวนั่นเอง


หลังทาเซรั่มเสร็จทันที มิ้วรู้สึกว่าเนื้อเซรั่มมีความซึมไปกับผิวไวมากค่ะ ไม่เหนียวเหนอะหนะ หน้าไม่มันเยิ้มค่ะ





MULTI VITAL NOURISHING CREAM 


เป็นครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้น ที่ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึกค่ะ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ลดฝ้า กระ เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นบำรุงเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก เนียนนุ่ม ดูอ่อนเยาว์มากขึ้นนั่นเองค่ะ มาในปริมาณ 30 ml.


มีส่วนประกอบหลักๆได้แก่
- Heaven White
สารสกัดจากพืช 7 ชนิด ที่มีประสิทธิภาพสูง ในเทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ช่วยฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และมีความชุ่มชื่น

- Artemia Extract PLANKTON
สารสกัดจากแพลงก์ตอนทะเล ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดเลือนริ้วรอย 

- Arbutin
ช่วยลดความหมองคล้ำ เพิ่มความกระจ่างใส 

- Niacinamide
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น และบรรเทาผิวที่แพ้ง่ายช่วยลดเลือนริ้วรอย



ตัวกระปุกมาแบบสวยหรูดูแพง สีขาวมุกเหมือนตัวเซรั่มเลยค่ะ ส่วนฝาก็มาเป็นแบบหมุน มีสีเงิน เมื่อเปิดออกมาจะมีตัวที่กั้นเนื้อครีมอยู่ค่ะ


เมื่อเปิดฝากั้นเนื้อครีมออกมาก็จะเห็นตัวเนื้อครีมสีขาวมุก มีความข้นเลยทีเดียว เมื่อทาลงบนหลังมือก็มีความเกลี่ยง่ายเลยค่ะ รู้สึกหลังมือมีความชื่นขึ้นด้วย


วิธีใช้ก็คือ หลังจากที่มิ้วทาเซรั่มแล้ว ทิ้งไว้สักพัก ก็มาทาครีมกันต่อค่ะ โดยมิ้วจะแต้มเนื้อครีมไปที่ 5 จุดคือ แก้ม 2 ข้าง หน้าผาก จมูก และคาง จากนั้นก็เกลี่ยวนๆออกจากใบหน้า และลำคำค่ะ


หลังทามิ้วก็รู้สึกว่า ใบหน้ามีความชุ่มชื้นมากขึ้น แต่หน้าไม่มันไม่เยิ้มเลยค่ะ หน้าดูมีความลื่นขึ้นด้วย ไม่แสบไม่ลอกแต่อย่างใด





MULTI SUNSCREEN SPF 50 PA+++ 


เป็นครีมกันแดดให้มากกว่าการกันแดดค่ะซึ่งนอกจากจะกันแดดจากรังสี UV-A, UV-B Visible light, Infrared light ด้วย SPF 50 แล้ว ก็ยังช่วยบำรุงผิวด้วยสารสกัดจาก 

- Witch Hazel Extract
ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น 

- Microfine Zinc Oxide
ป้องกัน UVA/UVB และสะท้อนรังสีต่างๆไม่ทำให้ผิวอุดตัน เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน 

- Chamomile Extract 
เพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ลดการระคายเคืองและการอักเสบของสิว เพิ่มความเรียบเนียนและลดรอยแผลเป็น มีความอ่อนโยนเหมาะมากๆกับผิวแพ้ง่าย 


ตัวหลอดกันแดดมาในขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย หลอดสีขาวฝาสีดำค่ะ
มาในปริมาณ 20 ml.


เมื่อหมุนฝาออกมาแล้วบีบดูเนื้อครีมก็จะเห็นว่า เนื้อครีมมีสีชมพูอ่อนๆ ลักษณะนุ่มๆลื่นๆ กลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ


เมื่อทาครีมลงบนหลังมือก็พบว่าเนื้อครีมมีความเกลี่ยง่ายมาก หลังเกลี่ยสีของหลังมือก็ไม่เปลี่ยนไม่มันเยิ้ม ผิวมีความนุ่มลื่นขึ้นด้วยค่ะ 


มิ้วก็จะทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากทาครีมทั้งหมดค่ะ โดยบีบมา 1 ข้อนิ้วชี้ แล้วแต้มไปที่ 5 จุด แล้วเกลี่ยให้ทั่ว ที่สำคัญอย่าลืมทาคอ และส่วนที่ต้องโดนแดดด้วยค่ะ เพื่อผิวของเราจะไม่เสีย





โดยรวมแล้ว หลังมิ้วใช้ Estitude Skincare มาสักพักนึง มิ้วก็รู้สึกว่าใบหน้ามีความเรียบลื่นขึ้น ตื่นมาล้างหน้าในตอนเช้าก็มีความรู้สึกว่าหน้านุ่มชุ่มชื่นขึ้น หน้าดูใสมากกว่าแต่ก่อนด้วยค่ะ ทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องปกปิดรอยต่างๆเหมือนเมื่อก่อนด้วย


โดยสรุปแล้วนะคะ สิ่งที่มิ้วชอบใน Estitude Skincare ก็คือ
- การที่เนื้อเซรั่ม และเนื้อครีมมีความเกลี่ยง่าย
- หลังทาเซรั่ม และครีม ไม่มีความเหนียวเหนอะหนะหน้า ไม่มันเยิ้ม
- ใช้แล้วหน้าไม่แสบ ผิวไม่ลอกค่ะ 


คำแนะนำเพิ่มเติมในการทาครีม
ปริมาณที่มิ้วมาครีม ในตอนกลางวันกับกลางคืนจะแตกต่างกันค่ะ ก็คือมิ้วจะทาครีมในตอนกลางคืนในปริมาณที่มากกว่ากลางวัน1 เท่า เพราะตอนกลางคืน มิ้วคิดว่าผิวของเราต้องการการบำรุงอย่างล้ำลึก จึงสามารถใช้ครีมในปริมาณมากกว่าปกติที่เคยทาตอนกลางวันได้


ส่วนในตอนกลางวัน ควรทาครีมในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้หน้าเรามันเยิ้มจนเกินไปค่ะ
(ปริมาณในที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับใบหน้าของแต่ละคนเลยค่ะ)


Estitude Skincare เหมาะกับใคร
จริงๆแล้วเป็นเวชสำอางที่เหมาะกับทุกคน ทุกสภาพผิวเลยค่ะ
- คนผิวแห้ง แพ้ง่ายก็ไม่ทำให้หน้าลอก
- คนผิวมันก็ไม่ทำให้หน้ามันมากกว่าเดิมค่ะ


เพราะฉะนั้นใครที่อยากมีผิวสวยกระจ่างใส ใบหน้าเรียบเนียน แบบสาวเกาหลี ที่เหมือนมีคุณหมอผิวหน้ามาดูแลด้วยตัวเองแบบมิ้วล่ะก็ อย่าลืมไปลองใช้กันได้นะคะ


สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/Estitude/