แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แต่ง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แต่ง แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

10 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนมา งานวัง (งานแผ่นดินสมเด็จพระนารานณ์) จังหวัดลพบุรี | MG-Review

10 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนมา งานแผ่นดินสมเด็จพระนารานณ์
จังหวัดลพบุรี




งานวัง หรือ งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี (แล้วแต่ช่วงค่ะว่าจะจัดวันที่เท่าไหร่ไม่ได้ตายตัว) ถือได้ว่าเป็นงานประจำปีของชาวลพบุรีเลยทีเดียว แต่ก่อน จัดขึ้นเพื่อ  หาทุนไปสร้าง อนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์ แต่ต่อมาจัดเพื่อ ให้ได้รู้จักจังหวัดลพบุรีมากขึ้น ได้มาเที่ยวชมวังนารายณ์ และโบราณสถานรอบๆวัง จัดครั้งแรกมีชื่องานว่า "นารายณ์รำลึก" ภายในงาน มีแสง สี ไฟประดับประดา ดอกไม้สายพันธ์ต่างๆ ตลาดนัดของดีจังวัดลพบุรี งานแสดงดนตรี ของชาวลพบุรี และที่ขาดไม่ได้คือทุกคนที่มางาน สามารถแต่งชุดไทยมาถ่ายรูปกันได้อย่างสวยงามค่ะ จะยุคไหนก็ได้ เรียกได้ว่า ใครแต่งชุดปกติมาคือแปลกไปเลยสำหรับงานนี้ เหมือนเราได้ย้อนอดีตไปสมัยนั้นจริงๆเลยค่ะ

มิ้วได้ประมวลภาพ งานวัง ไว้เมื่อปี 2561 ทุกคนสามารถย้อนไปดูบรรยากาศได้ที่นี่ค่ะ
https://www.jeban.com/topic/247937




คราวนี้มิ้วจะมาบอกว่า คนอื่นๆที่จะมาเที่ยวงานวัง ควรจะรู้อะไรบ้างนะคะ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของมิ้วเอง เท่าที่มิ้วพอจะนึกได้ค่ะ รวบรวมไว้ในบทความนี้มั้งหมดนะคะ

1. การเดินทาง
อันดับแรกเลยคือารเดินทาง เราสามารถเดินทางได้หลายประเภทค่ะ
- รถยนต์ส่วนตัว
คนที่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถ ตั้ง GPS มาที่ ลพบุรี ได้เลยค่ะ ถ้าจะให้ละเอียดกว่านั้นก็ ค้นหาคำว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์" เลยก็ได้ โดยสถานที่ จอดรถ สะดวกที่สุดก็คือ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ข้างๆศาลพระกาฬค่ะ หรือบริเวณรอบๆตัวเมืองที่มีจุดรับฝากรถค่ะ แล้วนั่งรถรางจาก โรงเรียนพิบูลมาได้เลยค่ะ สะดวกดี จริงๆจะเดินมาก็ได้ค่ะมันไม่ได้ไกลกันมาก ประมาณ 300 เมตรเองค่ะ

ถ้ามาจาก กทม. ก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงค่ะ ถ้ารถในกทม.ไม่ติดนะ ฮ่าๆๆ

- มอเตอร์ไซด์
อันนี้มิ้วคิดว่าน่าจะเป็นคนที่อยู่แถวๆลพบุรีค่ะ ก็สามารถจอดรถได้ที่รอบๆในตัวเมืองได้เลย แต่แนะนำว่าจอดตรงทางรถไฟ หรือที่เขามีรับฝากรถจะดีกว่าค่ะ จะมีคนคอยดูให้และมีบัตรรถชัดเจนค่ะ

เพราะรอบๆวังจะมีตลาดถนนคนเดิน ถนนจะปิดเพื่อให้ขายของทั้งหมดค่ะ

-รถไฟ
คนที่อยู่จังหวัดใกล้เคียง แล้วอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ ก็ขึ้นรถไฟมาลงที่ สถานี "ลพบุรี" ได้เลยค่ะ สะดวกและถูกดี นั่งรถไฟชิลๆชมบรรยากาศสองข้างทางได้เลย พอลงสถานีมาแล้ว ก็จะเจอกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ มีไฟประดับสวยเด่นเลย เดินเข้าซอยไปอีกหน่อยก็จะเจอสวนราชานุสรณ์ ที่มีไฟประดับสวยงาม เดินเข้าตลาดถนนคนเดินมา ไปอีกนิดก็ถึงวังนารายณ์ แล้วค่ะ
ระยะเวลาเดินทางมิ้วไม่แน่ใจ ลองดูเวลาตอนออกเดินทางเอานะคะ ราคาก็มีทั้งฟรีและเสียเงิน แต่ไม่แพงไปแน่นอน

ช่องแบร์ฮัก ก็มางานวังด้วยนะ



- รถตู้
อีกทางที่สะดวกก็คือ รถตู้นั่นเอง โดยถ้านั่งมาจาก กทม. ก็เข้าอาคารผู้โดยสาร B แล้วก็เข้าไปที่ เค้าเตอร์ หมายเลข 3 ได้เลยค่ะ จะมีท่ารถตู้ชื่อว่า KO บ้านเบิก อยู่ โดย รถตู้ KO จะลงในเมือง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวังพอดีค่ะ และก็มีเค้าเตอร์ใกล้ๆกัน ที่มีรถผ่านทาง สระบุรี ลพบุรี ค่ะ อันนี้จะไปลงที่บขส.ลพบุรี (ถ้าลงที่ บขส.ลพบุรี ก็จะต้องนั่งรถต่อมาในเมืองอีกต่อนึงค่ะ เป็นรถดงจำปา ที่มีสีแดงๆนั่นเอง)

มิ้วแนะนำว่า ขึ้น รถตู้ KO จะสะดวกและไวกว่าค่ะ ใช้ เวลาจาก กทม.- ลพบุรี ก็ประมาณ 2 ชั่วโมง ราคา 120 บาทค่ะ




2. ไม่ได้จัดแค่ที่วังนารายณ์
งานวัง ไม่ได้มีแค่ในวังนารายณ์เท่านั้นค่ะ เพราะรอบๆตัวเมืองลพบุรี ตรงส่วนใกล้ๆวังนารายณ์ก็มีโบราณสถานที่สวยงาม และจัดไฟ ดอกไม้ประดับประดาไว้สวยงามเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น



- ตลาดนัด ถนนคนเดิน
หน้างานวังจะเป็นตลาดนัด ถนนคนเดินค่ะ ขายของหลายอย่าง ทั้งของกิน ชุดไทย เครื่องประดับ ขนม น้ำ ต่างๆ ช้อปกันได้ตามสบายค่ะ โดยจะมีตลาดสองที่ ที่อยู่ใกล้ๆกันค่ะ ก็คือที่หน้าวัง กับข้างวัง ในส่วนของข้างวัง ก็จะเป็นตลาดที่ขายของ กิน ขึ้นชื่อ ของ ลพบุรีค่ะจะเป็นตลาดที่ใหญ่กว่า ด้านหน้าวัง
ตลาดหน้าโรงเรียนวินิต ก็จะเป็นเกี่ยวกับ พวก OTOP ขึ้นชื่อของ ลพบุรีค่ะ (เท่าที่มิ้วจำได้นะคะ)







- สวนราชานุสรณ์
ผ่านถนนคนเดินหน้าวังมาก็จะเจอสวนราชานุสรณ์แล้วค่ะ โดยภายในงาน ก็มีไฟประดับ ดอกไม้ต่างๆ และเวทีการแสดง ให้ทุกคนได้พักผ่อนสายตา และถ่ายรูปกันได้ทุกจุดเลย (แล้วแต่ปีนะคะว่าจะจัดงานในลักษณะไหน อันนี้มิ้วก็เอามาพูดในส่วนของปี 2561 ค่ะ)




- ปรางค์แขก
ในส่วนของปรางค์แขก จะเป็นดอกไม้ สายพันธุ์ สวยงามต่างๆ มารวบรวมไว้ จัดแบ่งโซนสีสันสวยงาม มีเวทีเล็กๆแสดงดนตรีอีกเช่นกันค่ะ




- บ้านเจ้าพระยาวิชาเยน
เดินเข้าไปตามถนนทางซ้ายตรงแยกไปแดง หลังจากที่เราผ่านปรางค์แขกมาแล้ว ก็จะเป็นบ้านเจ้าพระยาวิชาเยนนั่นเองค่ะ เป็นโบราณสถานที่เหลืออยู่บางส่วน ในสไตล์ฝรั่ง เราจะได้เห็นว่า พระยาวิชาเยนเป็นบุคคลที่สมเด็จพระนารายณ์มีความสนิทสนมมากขนาดไหนถึงขนาดมีบ้านหลังใหญ่ ไว้ใกล้วังนารายณ์เลยทีเดียว ภายในมีชุดฝรั่งสมัยก่อนให้ใส่ถ่ายรูป มีเวทีการแสดง และของขายบางส่วนด้วยค่ะ



ถ้าออกมาด้านหน้าประตู แล้วเดินตรงไปตามถนน ฝรั่งเศส ก็จะเจอตลาดนัดข้างวังนั่นเอง ไปช้อปกันได้ตามสบายค่ะ




3. มีชุดไทยให้เช่า
ที่งานวัง ตรงหน้าประตูทางเข้าอีกทางหนึ่งจะมีชุดไทยให้ใส่ฟรีค่ะ แต่ปีนี้(2562) ไม่รู้ว่าจะมีอีกไหม คำว่าของฟรี ก็อย่าไปคาดหวังว่ามันจะสวยอลังการมากนะคะ แต่แบบจ่ายเงินค่าเช่าชุดก็มีค่ะ จะอยู่ตรงถนนคนเดิน ด้านหน้าวังนั่นเอง อยากให้สวยอลังแค่ไหนก็จัดไปโลด นานๆแต่งทีเอาไปใส่กันให้สวยๆดีกว่าค่ะ สำหรับคนที่พอมีงบ ราคาก็อยู่ในช่วง หลักร้อยต้นๆ ถึงหลักร้อยปลายๆก็มี หรือใครอยากซื้อเก็บไว้ใส่หลายๆงานก็ไปซื้อได้ที่ตลาดนัดได้เลยจร้า มีขายอยู่ทั่วไป

มิ้วเคยทำคลิปพาไปช้อปชุดไทยด้วย (แต่คลิปอาจจะเวียนหัวหน่อยนะคะ ไม่มีกันสั่นวิดีโอ)  ไปดูกันได้เลย



4. ไม่มี บัตรขาย
งานวังไม่มีบัตรขายนะคะ ตอนเข้าไปข้างในก็เดินเข้าไปถ่ายรูปสวยๆได้เลย แต่มิ้วคิดว่า มันจะเสียตังตอนที่เราจะกินขันโตก(มั้งคะ) ซึ่งจะอยู่เข้าไปอีกด้านใน ถ้ามันยังมีอยู่นะ แต่บัตรขายหน้างานตรงทางเข้านี่ไม่มีค่ะ



5.ด้านในวังจะมีตลาดนัดย้อนยุคอยู่หลายตลาดค่ะ
 ถ้าอยากอินในความโบราณจริงๆก็มีตลาดย้อนยุคที่ใช้เงินพดด้วง เพื่อเอาไปซื้อของในตลาดนั้นได้ด้วย เราก็จะเอาเงินจริงๆของเราไปแลกเป็นเงินพดด้วยไว้ใช้จ่ายได้เลยค่ะ

6. ห้องน้ำ
ในส่วนของห้องน้ำ นั้น จะอยู่ตรงหลังตึกสีเขียว ที่ประตูหน้าวังค่ะ ก็คือ เข้าวังมาจะเจอตึกสีเขียวๆด้านซ้ายมือ แล้วห้องน้ำก็จะอยู่ด้านหลังตึกอีกที แล้วก็มีรถห้องน้ำสาธารณะคันใหญ่ๆบริการอยู่ค่ะ ไม่ต้องห่วงว่านจะไม่มีห้องน้ำเข้านะคะ




7. มีการเดินขบวร เปลี่ยนเวรของทหาร
จะมีขบวรของทหารสมัยก่อนมาเปลี่ยนเวรตรงประตูใหญ่ค่ะ แต่มิ้วไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนทุกกี่นาทีหรือกี่ชั่วโมง ต้องไปดูเอา เป็นอีกช่วงเวลาที่น่าถ่ายรูปเก็บไว้มากๆ คล้ายๆกับในพระราชวังที่มักจะมีการเปลี่ยนเวรอยู่เสมอนั่นเอง



8. พี่ทหารนิ่งมากๆ
ที่งานวังจะมีพี่ทหารที่ใส่ชุดทหารโบราณมาเฝ้าที่ประตูวังค่ะ ไม่ต้องไปทักเขานะคะ เพราะเขาไม่พูด ไม่ขยับ ไม่โต้ตอบใดทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเล่นมุกอะไรก็ตาม เขาไม่คุยด้วยเลย เขาไม่ได้หยิ่งนะคะ มันเป็นหน้าที่ของเขานั่นเองค่ะ




9. อย่าลืมไปสักการะ  รูปปั้นองค์สมเด็จพระนารายณ์
มาวังนารายณทั้งที ได้ถ่ายรูปสวยๆแล้วก็อย่าลืมไปสักการะ รูปปั้นองค์สมเด็จพระนารายณ์ที่ด้วยตรงข้างๆกำแพงของเขตพระราชถานชั้นในด้วยนะคะ ก็คือพอเข้าไปในวังแล้วเราจะเห็นต้นไม่รูปช้าง สองตัวอยู่ตรงประตู แล้วเราก็เลี้ยวซ้ายไปจะมีทางเดินเข้าไปก็จะเห็นรูปปั้นองค์สมเด็จพระนารายณ์แล้วค่ะ หรือไปที่ พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท หรือ ไปที่ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ก็ได้เช่นกัน




10. มีการแสดงประวัติของสมเด็จพระนารายณ์ แบบใช้คนจริงๆเล่นกับสถานที่จริงด้วย
ถ้าเรามีเวลาสักหน่อย อยากได้บรรยากาศเหมือนเราไปอยู่ในช่วงเวลานั้นจริงๆมิ้วแนะนำว่า ให้ดูการแสดงแสงสีเสียงที่จำลองประวัติของสมเด็จพระนารายณ์เลยค่ะ เพราะจะใช้คนจริงๆเล่นกับโบราณสถานจริง แล้วก็มีการเดินไปตามตึกต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงด้วย ทำให้เราเห็นภาพจริงและรับรู้ถึงพระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์ได้อย่างแท้จริงค่ะ



ปล. ในวังนารายณ์ไม่มีลิงนะคะไม่ต้องกลัว ลิงมันจะอยู่แถวๆปรางค์สามยอด ทางรถไฟอะไรทำนองนี้ วันที่มีงานวังคนจะเยอะมาก ลิงมันไม่กล้ามาหรอก ฮ่าๆ



หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะมา งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ นะคะ ไม่ว่าจะเป็นปีไหนก็ตาม ขอให้เที่ยวกันให้สนุก รักษาทำเนียมประเพณีไทยกันเอาไว้ ถ่ายรูปสวยๆแล้วเชคอิน ที่วังนารายณ์กันเยอะๆนะคะ ในฐานะของมิ้วที่เป็นคนลพบุรี ภูมิใจมากๆที่มีงานดีๆแบบนี้ให้คนไทยได้เที่ยวกัน 

เอ้อ ถ้าไปงานวังแล้วก็อย่าลืมไบขึ้นเขาวงพระจันทร์ ทุ่งทานตะวัน เขื่อนปาสักกันนะคะ มาลพบุรีก็จัดไปแบบคุ้มเลยจ้า 



มิ้วมีบทความที่พาไปเที่ยว วังนารายร์ตอนกลางวันด้วย เข้าไปอ่านเพิ่มเดิมได้ค่ะที่

https://milkmerrygirl-review.blogspot.com/2018/03/huji-cam-mg-review.html





วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

3 ลุค กับ Mistine 9 to 5 City look eye Palette


สวัสดีจร้าทุกคน วันนี้มิ้วมารีวิวพาเลท Mistine 9 to 5 city look eye palette กันด้วย 3 ลุคที่ทุกคนเอาไปแต่งตามกันได้ง่ายเลย มีพาเลทเดียวนี่คือคุ้มจริงๆไม่ว่าจะแต่งลุคไหนก็ตาม จะแต่งอย่างไร มีอะไรบ้างนั้นไปขมกันเลยจร้า  


แบบวิดีโอเชิญด้านนี้เลย






เรามาดูที่ตัวกล่องกันก่อนลเยจร้า


ด้านหน้ากล่อง สวยหรูดูแพง น่าใช้มาก แต่มาในราคาหลักร้อย 
ด้านหลังกล่อง เป็นคำที่เขาเคลมมา และสรรพคุณต่างๆในเนื้ออายชาโดว วิธีใช้ ส่วนประกอบ สถานที่ผลิต เลขที่จดแจ้ง น้ำหนักสุทธิ 8.4 กรัม ครั้งที่ผลิตและ วันหมดอายุ



ด้านหน้าของตัวพาเลท เป็นลักษณะคล้ายหน้ากล่อง ทำจากพลาสติกเนื้อดีไม่อ่อนหักง่าย เนื้อมีความมันเงา(อาจจะเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย)

ด้านหลังของตัวพาเลท คล้ายด้านหลังกล่องเช่นกัน คือ บอกสรรพคุณโดยย่อ วิธีใช้ ส่วนประกอบ ผู้ผลิต วันที่หมดอายุ น้ำหนักสุทธิ

มีขนาด กะทัดรัด ความหนาก็ไม่หนาเกินไป ไม่บางเกินไป สามารถพกไปแต่งตอนไปเที่ยวได้เลย(แต่อาจจะต้องห่อกันกระแทกไว้สักนิดนึงหรือห่อกับ เสื้อผ้าเราก็ได้ค่ะ)


ลักษณะเนื้อ สี 

เนื้ออายชาโดว มีความเกลี่ยง่าย สีชัด แต่สีเนื้อแมท(เนื้อด้าน) อาจจะต้องย้ำๆหน่อยเวลาเกลี่ย ส่วนอายชาโดวที่มีชิมเมอร์ สีสวยชัดมากๆค่ะ แถมเมื่อลองปาดที่แขนก็แทบจะไม่มีฝุ่นผง อายชาโดวร่วงลงมาเลยด้วย เนื้ออัดมาแน่นเลยทีเดียว 

เมื่อเที่ยบกับ ด้านที่ทา eye primer จะเห็นสีได้ชัดกว่า ตอนไม่ทา eye primer
แต่จริงๆดูจากกล้องนี่คือดูแทบไม่ออกเลย

แปรงที่แถมมาให้ก็สามารถให้ได้จริงค่ะ ขนแแปรงแน่นพอตัวเลยทีเดียว




มิ้ว ครีเอทลุคไว้ 3 ลุค เพื่อที่จะแต่งได้ทุกโอกาสเลยค่ะ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลย

ลุคแรก เป็นแบบสวย สุภาพ 
จริงๆแต่งไปได้ทุกโอกาสเลยค่ะ โทนอ่อนๆ ไปทำงาน ต้องพบปะผู้ใหญ่ ไปทำบุญ ไปเที่ยว ได้หมด



เริ่มจากการใช้สีน้ำตาลอ่อน หมายเลข 1 ทาให้ทั่วเปลือกตา เกลี่ยให้ฟุ้งไม่เป็นขอบจนเกินไป
ใช้สี ส้มมีประกาย หมยเลข 2 ทาที่กึ่งกลางตาให้สีตาดูมีประกาย
ใช้สี ออกพีชๆ มีชิมเมอร์ หมายเลข 3 ทาที่หัวตาให้ตาดูสว่าง
ใช้สี น้ำตาลออกแดงๆ ชิมเมอร์ หมายเลข 4 ทาที่หางตาเกลี่ยให้ฟุ้งๆ ดูมีมิติ
ใช้สี เนื้อด้าน สีออกไข่ไก่ หมายเลข 5 ทาที่โหนกคิ้วเกลี่ยให้ฟุ้งๆ จะได้ให้ชอบสีตาแข็งเกินไป
ทาที่ตาล่างด้วยสีเดียวกับตาบนเลยจร้า


ลุคที่สอง สวยแบบ ซนๆ ดูสดใส โทนส้มๆ
จะต่างกับลุคแรกตรงที่ สีตาที่ชัดขึ้น และมีการเขียนอายไลนเนอร์และขอบตาล่างเบาๆ

 


เริ่มจาก ทาสีส้ม เนื้อแมท หมายเลข 1 ให้ทั่วเปลือกตาทั้งตาบนและตาล่าง
จากนั้นใช้สีแดอมน้ำตาล เนื้อแมท หมายเลข 2 ทาที่หางตา ทั้งตาบนและล่าง ให้ดูมีมิติ
แล้วจึงใช้สีน้ำตาลแดงที่มีชิมเมอร์ หมายเลข 3 ทาที่กึ่งกลางตาอีกทีหนึ่งทั้งตาบนและล่างเช่นกัน
ใช้สี น้ำตาลเข้มมีชิมเมอร์ หมายเลข 4 เอามาทาที่หางตาทับไปอีกชั้นนึง
ใช้สีเนื้อออกโทนชมพู หมายเลข ุ5 ทาที่โหนกคิ้ว
ใช้สี ชมพูอ่อนมีชอมเมอร์ หมายเลข 6  ทาที่หัวตา ให้ตูสว่าง

ท้ายสุดของลุคนี้ หลังจากทาปากสีส้มแล้ว มิ้วจะทาแตะสีหมายเลข 2 ให้ทั่วทั้งปาก ให้สีส้มดูเข้มขึ้น และดูแมทขึ้น ดูสวยแพงมากๆ


ลุคที่สาม สวยแบบ แซ่บๆ ลึกลับ ดูน่าค้นหา
มาในโทนน้ำตาลปนแดง แต่ดูไม่เข้มมาก ปากสีนู้ดๆและแติมสีแดงก่ำๆด้านในปาก เหมาะกับ ไปเที่ยวกลางคืน และปาร์ตี้ต่างๆเป็นที่สุด เพราะจัดเต็มทั้ง อายไลนเนอร์และการเขียนขอบตาให้ถึงหัวตา ทำให้ดูหน้าคมมากขึ้นไปอีก



เริ่มจากใช้สีแดงเข้ม หมายเลข 1 ทาให้ทั่วเปลือกตา ทาที่ตาล่างด้วย
ใช้สี น้ำตาลที่เข้มสุดในพาเลท หมายเลข 2 มาทาที่หางตา ทำให้ตาดูมีเบ้ามากขึ้น
ใช้สี น้ำตาลแดงๆชิมเมอร์ หมายเลข 3 ทาที่กลางตาทั้งเปลือกตาบนและล่าง
ใช้สี น้ำตาลมีชิมเมอร์ หมายเลข 4 ทาที่หางตาไปอีกชั้นหนึ่ง
ใช้สีเนื้อแมทที่สว่่างที่สุด หมายเลข 5 ทาที่โหนกคิ้ว
ใช้สีที่ ชมพูพีชๆ หมายเลข 6 มาทาที่หัวตา




ลุค ทั้ง 3 ก็จะออกมาเป็นประมาณนี้เลยจร้า ค่อยๆไล่ระดับความเข้มของสีตาและ แซ่บขึ้นเรื่อยๆ ฮ่าๆๆ 


ข้อดี ราคาไม่แพง สีเกลี่ยง่าย สีชิมเมอร์ชัดมากๆ แทบจะไม่มีฝุ่นจากอายชาโดว์ร่วงลงมาให้กวนใจ เป็นสีที่ใช้ได้บ่อยๆคุ้มค่าุ้มราคา

ข้อควรระวัง สีเนื้อแมท อาจจะต้องแตะย้ำๆสักนิดนึงถึงจะติดชัดเจน 

คำแนะนำ ถ้าใช้ร่วมกับ eye primer จะติดทนดียิ่งขึ้นค่ะ

หวังว่าจะชอบนะคะ ถ้าใครเริ่มหลงรักพาเลทนี้แล้ว ก็ไปจัดกันได้ เลย ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน

ร้าน Mistine ใน shopee: https://shopee.co.th/mistine_officialstore 

ราคาแล้วแต่ช่วงนะคะ บางช่วงลดมาก บางช่วง ลดน้อย มิ้วได้มาในราคา 189 บาทค่ะ จาก แอพ  Shopee

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูเด้อ เอาลุคนี้ไปแต่งตามกันได้เลย :) 
สำหรับวันนี้ไปก่อนจร้า ไว้เจอกันใหม่ในรีวิวหน้า ^______^

#MilkMerrygirl