วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ให้แบรนด์เราเป็นเรื่องสำคัญกับ Derma innovation

Derma-innovation


สวัสดีค่าทุกคนรีวิวนี้เหมาะมากๆเลยสำหรับใครที่กำลังสร้างแบรนด์หรืออยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือมองหาโรงผลิตสกินแคร์ เครื่องสำอาง คุณภาพดี พรีเมี่ยมอยู่ มิ้วขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ ที่ Derma innovation ไปดูกันค่ะว่าทำไมเราถึงต้องมาทำแบรนด์กับที่นี่ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลยจร้า



เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มิ้วได้มีโอกาสไปร่วมอบรมกับทาง Derma innovation มาค่ะ การเดินทางก็สะดวกนะคะ  โดยมิ้วเดินทางมากจากที่บ้านลพบุรีด้วยรถตู้ มาลงที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต แล้วเดินไปที่ท่ารถตู้เมเจอร์ มองหารถที่ไปปากเกร็ด จากนั้นมิ้วก็ไปลงที่ เซนทรัลแจ้งวัฒนะ แล้วข้ามสะพานมาซอยปากเกร็ด19 จากนั้นนั่งพี่วินเข้ามาถึงบริษัทเลยค่ะ


พอมิ้วเข้ามาก็รู้สึกได้ถึงความหรูหราตั้งแต่แรกเลยค่ะ ทั้งการตกแต่ง ดีไซน์ของดึก เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้และพี่ๆพนักงานต้อนรับทั้งหมดใจดีและต้อนรับกันดีมากๆเลยค่ะ


ที่พักรับรองหรูหราน่ามองมากๆค่ะ 


เข้ามาก็รู้สึกอยากเริ่มทำแบรนด์เป็นของตัวเองแล้ว


แบรนด์ต่างๆที่เคยร่วมงานกับทางบริษัทค่ะ



หลังจากนั้นมิ้วก็ขึ้นมาที่ชั้น 2 เพื่อมาอบรมการสร้างแบรนด์นั่นเองค่ะ โดยบรรยากาศก็เป็นกันเองมากๆ แถมได้เจอเจ้าของแบรนด์ ต่างๆที่มาอบรมแบบจริงๆด้วย





อีกทั้งในงานยังมีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทางบริษัทผลิตเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นครีม รองพื้น สกินแคร์บำปรุงผิวต่างๆ เซรั่ม แพคเกจจิ้งก็คือสวยและดีงามมากๆเลยค่ะ





แล้วก็เริ่มการอบรมกันค่ะ อ้อก่อนเข้าเนื้อหาก็ได้มีการแนะนำผู้บริหารกันด้วย โดยมีพี่เอก บุคคลที่มิ้วชื่นชอบและติดตามการทำงาน ตอนที่พี่เขาออกรายการต่างๆเป็นหนึ่งในผู้บริหารด้วยค่ะ โชคดีมากๆเลยที่ได้เจอตัวจริง แต่ลืมขอถ่ายรูปด้วย แง่.....



หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู้เนื้อหากันค่ะ เริ่มด้วยการพูดถึงเทรนด์โลกในปี 2020 ที่จะมีการใช้ผลิตภํฑ์ที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น รวมไปถึงทั้งแพคเกจจิ้ง บรรจุภัณ และส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ของเรานั่นเองค่ะ นอกจากนี้ก็ยังพูดถึงว่า การเริ่มจะทำแบรนด์ เราต้องรู้อะไรบ้าง ต้องมีอะไรบ้าง ซึ่งคนที่มาทำแบรนด์ ทำผลิตภัณฑ์กับทางบริษัทจะได้การอบรมนี้ฟรีเลยค่ะ คือสงสัยอะไรยังไงก็สามารถสอบถามตอนนั้นได้เลย แล้วมิ้วก็ได้เจอเจ้าของทำแบรนด์ทั้ง สบู่อาบน้ำ ครีมทาผิว เซรั่มผิวหน้า ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็ยังเป็นแบรนด์น้องใหม่ด้วยค่ะ


หลังจากกนั้นก็พักเบรกกันค่ะ โดยเครื่องดื่มที่ทางบริษัทนำมารับรองก็คือ น้ำส้มผสมคอลลาเจนที่ทางบริษัทผลิตเอง(ซึ่งอร่อยมากเวอร์) แล้วก็โดนัดค่ะ 


โดยเราพักเบรกกันที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นสถานที่รับรองแขกอีกชั้นหนึ่ง มีทั้งห้องประชุม ห้องแสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งทางบริษัททำร่วมกับลูกค้าต่างๆ ดารา ศิลปิน คนดังหลายๆท่านก็มาทำที่นี่ค่ะ ซึ่งมีตัวอย่างเยอะแยะมากเลยเลย ทั้งกล่อง ตัวขวด ตัวเซรั่ม ก้อนสบู่ รวมทั้งเจ้าของแบรนด์ก็สามาถออกแบบตัวกล่องเองได้อีกด้วยค่ะ


ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ผลิตกับทางบริษัทค่ะ


ตัวกระปุก และขวดก็มีให้เลือกหลายแบบเลยทีเดียว สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ 


มาทั้งแบบหลอด แบบซอง ขวดเซรั่ม กระปุก แล้วก็ขวดด้วย


แบบก้อนสบู่ ก็มีให้เลือกหลายแบบค่ะ เผื่อใครอยากเป็นเจ้าของแบรนด์สบู่




ตัวอย่างกล่องก็มา สวยๆน่าหยิบ น่าซื้อมากเลยค่ะ



ตัวกระปุกใส่ครีม และรองพื้นก็มา



ตัวขวดที่เอาไว้ใส่ครีมทาผิวก็มีค่ะ


ใครอยากให้แบรนด์ดูหรูหรา ต้องเน้นสีเงินสีทอง 





 แบรนด์สบู่ของพี่โอปอล ก็ผลิตกับทางบริษัทนี้ด้วยจร้า ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ





นอกจากนี้ก็ยังมีตู้แสดงรางวัลต่างๆบ่งบอกถึง คุณภาพและมาตรฐานของทางบริษัทด้วยค่ะว่ามีความน่าไว้วางใจ ในผลิตสินค้าเป็นอย่างมาก


แล้วที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ทางเจ้าของบริษัทชอบสะสมโมเดลรถมากๆ เพราะจะมีโมเดลรถมาตั้งไว้อยู่หลายๆที่ ซึ่งพี่ๆทีมงานบอกว่านี่แค่ส่วนหนึ่งที่มาโชว์เท่านั้นค่ะ สะท้อนถึงความชอบส่วนตัวของเจ้าของบริษัทจริงๆ




หลังจากพักเบรคแล้วก็มาอบรมกันต่อค่ะ โดยช่วงบ่ายทางทีมงานก็จะพูดถึงการตลาด โดยลงลึกไปทางออนไลน์นั่นก็คือ Facebook นั่นเองค่ะ พี่ๆก็จะสอนเจ้าของแบรนด์ตั้งแต่การสร้างเพจร้านค้า การตั้งค่าต่างๆ รวมไปถึงการยิงแอดโฆษณาใน Facebook เรียกได้ว่า สอนแบบละเอียด ทำให้ดูทีละขั้นตอนไปพร้อมๆกันเลยค่ะ ถ้าใครสงสัยอะไรก็ถามได้เลยทุกคนพร้อมให้คำตอบมากๆค่ะ


ซึ่งก่อนกลับมิ้วก็ได้ผลิตภัณฑ์จากทางบริษัทเอามาลองใช้ด้วยค่า มิ้วเลยมารีวิวคร่าวๆให้ทุกคนฟังว่าผลิตภัณ์จากที่นี่นั้นดีงามอย่างไรบ้าง


ตัวแรกที่มิ้วได้รับมาก็จะเป็น โลชั่นทาตัว ชื่อว่า Cotton Body Lotion With Organic Argan Oil & Hokkaido Milk


เป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมทั้งน้ำมันอาร์แกน โจโจ้บาร์ น้ำมันโอลีฟ รวมไปถึงนมฮอกไกโด ช่วยในเรื่องของการเติมความชุ่มชื่นช่วยให้สีผิวกระจ่างใสดูสม่ำเสมอค่ะ


ตัวขวดก็ขนาดกระทัดรัดปริมาณ 180 ml. มาในแบบหัวปั๊ม ทำให้กดใช้สะดวกมากค่ะ 


เนื้อก็มีความว่าไม่หนักไป ไม่เหลวไป กลิ่นก็มีความหอมละมุนมากๆ แบบกลิ่นนมอ่อนๆผสมกับแป้งเด็ก แถมทาง่ายซึมไว หลังทาผิวก็ดูชุ่มชื่น ไม่เหนียว  เหมาะกับอากาศเย็นๆตอนนี้มากเลยค่ะ 



อีกตัวนึงก็จะเป็น Organic Wild Olive Micellar Water คลีนซึ่งลบเครื่องสำอางแบบออแกนิกนั่นเองค่ะ


มีส่วนผสมเช่น Tea Tree Oil, Green tea, Ginkgo Extract มาในปริมาณ 100 ml. นั่นเองค่ะ ตัวขวดมาแบบเล็กกระทัดรัด ขวดพลาสติกใส ฝามาแบบเปิดปิด สามารถใช้งานได้ง่ายค่ะ


เนื้อคลีนซิ่งจะเป็นน้ำเหลวใสๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสดชื่นค่ะ
มิ้วลองทดสอบการลบเครื่องสำอางจากการลองทา รองพื้น อายไลน์เนอร์ มาสคาร่า ลิปแมท ที่กันน้ำทั้งหมดที่หลังมือ แล้วลองใช้สำลีชุบ คลีนซิ่ง ให้ทั่วเอามานาบที่หลังมือของเราซึ่งทิ้งไว้ ประมาณ 10 วินาที จากนั้นก็ค่อยๆลูบออกมาค่ะ



จะเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างออกมากับสำลีทั้งหมดเลย แสดงว่าตัวคลีนซิ่ง สามารถลบเครื่องสำอางออกได้หมดจดจริงๆค่ะ แถมหลังเช็ดเสร็จหลังมือกยังชุ่มชื้น ไม่แห้งตึงแต่อย่างใดด้วย

แสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากที่นี่ มีคุณภาพ พรีเมี่ยม ใส่ใจตั้งแต่ ส่วนผสม กระบวนการผลิต รวมไปถึงตัวบรรจภัณฑ์ ทำให้ได้ของที่มีคุณภาพดี น่าซื้อ น่าใช้ นอกจากนั้น ที่นี่ก็ยังมีอบรมการตลาดทั้งในประเทศ ต่างประเทศ และการสร้างแบรนด์ให้ฟรีอีกด้วย มิ้วไปเข้ารับการอบรมมาก็รุ้สึกว่า อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองเลยค่ะ แต่ขอไปคิดก่อนว่าอยากทำอะไรดี :)



โดยทาง Derma innovation มีนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเฉพาะทาง มีกระบวรการการผลิตที่ทันสมัยจากประเทศเกาหลี และยังได้รับมาตรฐานจาก ASEAN GMP,ISO 9001, ISO22716 (GMP EUROPE), Halal ด้วยค่ะ  รับผลิตเริ่มต้นที่ 500 ชิ้น ราคา เริ่มต้นที่ 50,000 บาทค่ะ

เรียกได้ว่า ถ้าใครอยากเป็นเจ้าของธุรกิจสกินแคร์ หรือเครื่องสำอาง Derma innovation เป็นที่ๆรวมทุกอย่างเอาไว้แล้วค่ะ ถ้าใครสนใจก็ลองมาคุยกับพี่ๆเขาก่อนได้ค่ะ ทุกคนเป็นกันเองมากจริงๆ

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.derma-innovation.com/   ได้เลยนะคะ







วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

งอน ยาว ราวกับติดขนตา ด้วยมาสคาร่าจาก dejavu

DEJAVU Mascara


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้มิ้วภูมิใจนำเสนอมากๆ เพราะมิ้วอยากจะมารีวิวมาสคาร่าที่ปัดแล้วขนตายาว งอน เด้ง  แถมล้างออกง่ายมากๆด้วย ตัวนี้ก็คือ มาสคาร่าจาก dejavu นั่นเองค่า ดีงามมากทีเดียว รายละเอียดเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า







เพราะ dejavu เขาออกมาสคาร่าออกมา เขาเรียกประหนึ่งว่า เป็น ขนตาปลอม แบบปัดเลยทีเดียว (เครมแรกมากแม่) งานนี้มาทั้ง 2 แบบ ทั้ง
Dejavu Keep Style Mascara S Jet Black 1 แท่ง มาในราคา 490 บาท และ
Dejavu Tiny Sniper S Pure Black 1 แท่ง มาในราคา 290 บาท

เราไปดูแต่ละตัวกันลเยจร้าว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง




Dejavu Keep Style Mascara S Jet Black เป็นมาสคาร่ามาในแท่งสีส้มเงาสวยงาม ขนาดใหญ่กว่าอีกตัวหนึ่ง หัวแปรงเป็นทรงโค้ง ช่วยให้ขนตาหนา งอน และยาว ตั้งแต่ปัดครั้งแรก แถมเขาบอกว่ามันยังกันน้ำอีกด้วย เพราะเป็นสูตรฟิล์มที่ทนต่อ เหงื่อและน้ำนั่นเองค่า นอกจากนี้เขายังมีส่วนผสมของสารบำรุงขนตาด้วยค่ะ


ขนแปรงเป็นแบบซี่ถี่ สลับกับห่าง จึงทำให้เวลาปัดเนื้อมาสคาร่าจะเข้าไปซอกซอนขนตาได้ดีค่ะ





ตัวกล่องก็มาในสีสันสดใส สามารถเห็นตัวแท่งได้อย่างชัดเจนค่ะ

ด้านหลังจะมีคำแปลเป็นภาษไทย มีทั้งสรรพคุณและวิธีใช้ อ่านได้เข้าใจเลยค่ะ แต่พอเปิดเข้ามาอีกชั้นนึงจะเป็นคำอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง








Dejavu Tiny Sniper S Pure Black  มาสคาร่าแท่งเล็ก ตัวแท่งมาในสีแดงประกายสวยมาก แถมความพิเศษของตัวนี้คือจะมีหัวแปรงที่หักงอ เล็กน้อย 5 องศา เพื่อให้รับกับดาวตาของเรา แล้วขนาดของแปรงก็มาแบบเล็ก ซึ่งสามารถซอกซอนเข้าไปที่ หัวตา หางตา และขนตาล่างได้ดีค่ะ 




ตัวกล่องก็มีความคล้ายกับ ตัวแรกจร้า เห็นตัวมาสคาร่าได้ชัดเจน มีคำอธิบายเป็นภาษาไทยค่ะ






ก่อนที่เราจะปัดขนตา ก็จะต้องทำการดัดขนตาก่อนค่ะ มิ้วเลยมาเสนอวิธีที่จะทำให้การดัดขนตา งอนเด้งกว่าที่เคยนั่นก็คือ


มิ้วจะดัด 3 สเต็ป ก็คือ ที่โคนขนตา กลางขนตา และปลายขนตา โดยตอนที่ดัดนั้นให้ยกที่ดัดขนตาขึ้นเล็กน้อย เพื่อขนตาจะได้งอนขึ้นกว่าปกตินั่นเองจร้า




หลังจากนั้น มิ้วก็จะใช้ Dejavu Keep Style Mascara S Jet Black ปัดที่ขนตาบน โดยวิธีการปัดแบบซิกแซ็กซ้ายขวาแล้ว เนื้อมาสคาร่าจะได้เข้าไปในขนตามากยิ่งขึ้นค่ะ


หลังปัดก็จะเห็นว่า เหมือนเรามีขนตาปลอมขึ้นมาแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ ชอบมากๆ ฮ่าๆ แถมใช้เวลาปัดไม่นานด้วยเพราะตัวแปรงค่อนข้างใหญ่ค่ะ


ก่อนปัดกับ หลังปัด เราสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ ว่า ด้านที่ปัดนั้นขนตามีความหนา และเส้นสีดำชัดเจนกว่า ตอนที่ไม่ปัดขนตามากๆเลยค่ะ



หลังจากนั้นเราก็มาปัดขนตาล่าง และย้ำตรงที่หางตา และหัวตาด้วย Dejavu Tiny Sniper S Pure Black 
นั่นเองค่ะ


โดยการปัดแบบซิกแซกอักเช่นเดียวกันค่ะ ด้วยหัวแปรงที่เล็กก็ซอกซอนเข้าไปยังขนตาได้ง่ายกว่า มากคาร่าทั่วไปมาก นอกจากนี้เขายังมี ไฟเบอร์ ช่วยเพิ่มขนตาให้ดูหนามากขึ้นด้วยค่ะ



หลังจากทีเ่ราปัดขนตาด้านล่างแล้ว มิ้วก็มาดัดขนตาด้านบนอีกครั้งเพื่อเพิ่มความงอนให้อยู่กับเราไปทั้งวันค่ะ


หลังดัดขนตาก็รู้สึกว่า ขนตานั้นงอนมากกว่าตอนปัดครั้งแรกมากๆค่ะ ถือว่าเป็นเคล็ดลับสำคัญ ที่ทุกคนเอาไปใช้ได้เลยค่า






ส่วนในเรื่องของความติดทนนั้น ก็มีความว่าติดทนมากเลยค่ะ ขนาดผ่านไป 8 ชั่วโมงก็มีมีเลอะ ไม่แพนด้า (แต่อย่าเอามือไปขยี้ที่ดวงตานะคะ คือถือไม่เอามือไปถูมันก็จะไม่เลอะเลยค่ะแล้วก็กันน้ำอีกด้วย) แถมยังงอนอยู้ดีด้วย (แต่อาจจะตกลงมานิดๆค่ะตามปกติของขนตา)



คราวนี้มิ้วมาทดสอบการลบมาสคาร่าด้วยน้ำอุ่น ว่าจะลบง่ายอย่างที่เขาบอกหรือเปล่า ผลออกมาคือมันออกจริงๆค่ะ ออกมาเป็นเส้นๆชัดเจนเลย ล้างออกง่ายดีงามมากๆ 


โดยรวมแล้ว สิ่งที่มิ้วชอบมากๆเลยก็คือ
มาสคาร่าปัดง่าย สีดำ ทำให้ขนตาดูหน้าและงอนได้จริง 
ล้างออกง่าย ติดทน ไม่เลอะเป็นแพนด้า
คุ้มค่า คุ้มราคามากๆ



ใครที่เป็นคนขนตาตก ไม่ค่อยมีขนตา ก็เหมาะมากๆเลยสำหรับ รุ่น Keep style ส่วนใครที่หามาสคาร่าที่สามารถซอกซอนส่วนเล็กๆได้ ก็จัดรุ่น Tiny Sniper ได้เลยจร้า



ซึ่งทั้งคู่ก็มีสารบำรุงขนตาไปด้วยนะคะ เป็นมาสคาร่าที่สวยจบครบในตัวเดียวเลยทีเดียวค่า



และใครที่สนใจ มาสคาร่าจาก Dejavu ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม สามารถเข้าไปสอบถามรายละเอียด และสั่งซื้อที่ มาสคาร่ากันน้ำ  ได้เลยจร้า

หาซื้อได้ที่ : Matsumoto, Tsuruha, Eveandboy, Donki, @Cosme, Multy, Cosmobeaute,
Watson, Beautrium
สั่งซื้อทางออนไลน์ : Shoppee, Lazada, Konvy



ถ้าจะลงทุนกับ มาสคาร่าสักเบรนด์ ที่เป็นทุกอย่างให้เราแล้ว มิ้วก็แนะนำ Dejavu Mascara เลยค่ะ ไม่ผิดหวังแน่นอน