วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ลดผิวมัน ด้วยน้ำมันธรรมชาติ จาก N&A Beauty skincare

N&A Beauty skincare


ขึ้นชื่อว่าเป็น “น้ำมัน” หลายๆคนอาจจะกังวลว่ามันจะทำให้หน้าของเรา มันเยิ้ม เหนียวเหนอะหนะหรือเปล่ารีวิวนี้ มิ้วมีคำตอบค่ะ เพราะมิ้วก็เป็นอีกคนนึงที่มีผิวที่มันโดยเฉพาะบริเวณ T โซน พอได้ลอง นั้มนสกัดเย็นจากแบรนด์  N&A Beauty skincare แล้ว ก็ทำให้ความคิดมิ้วเปลี่ยนไปเลยค่ะ มิ้วใช้แล้วจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันค่ะ





N&A Beauty skincare เป็นแบรนด์ของคนไทย ที่มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนน้ำมันสกัดเย็น ซึ่งมาจากธรรมชาติ 100% ค่ะ
ซึ่งการสกัดเย็นนี้จะช่วยให้คุณค่าของน้ำมันยังอยู่ครบถ้วนและไม่มีสารตกค้าง ซึ่งตัวที่มิ้วได้มาจะมีอยู่ 2 ตัวด้วยกันนั่นก็คือ

Castor cleansing oil : เป็นน้ำมันที่ช่วยทำความสะอาดผิวหน้า และบำรุงผิวหน้าไปในตัว
Argan Remix oils Pure Essential 100% : เป็นน้ำมันบุรงผิวหน้านั่นเองค่ะ
ซึ่งแต่ละตัวนั้นก็ถือว่ามาจากธรรมชาติทั้งหมดเลย มีความน่าสนใจมากๆ เรามารู้จักกันค่ะว่าแต่ละตัวเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนของมาส่งก็ห่อพัสดุกันแตกมาอย่างดีค่ะ แถมของส่งถึงไวมาก
(ส่วนขวดสีชมพูที่เห็นจะเป็นเซรั่มกุหลาบที่ทางร้านแถมมาให้ค่ะ)



Castor cleansing oil


เป็นน้ำมันสกัดเย็นที่มาจากธรรมชาติ 100% เป็นการรวมตัวของน้ำมันทั้ง 3 ชนิคคือ
น้ำมัน Castor: มีกรดซิโนเลอิก วิตามิน อี สูง โปรตีน โอเมก้า6 กรดไขมันจำเป็น 9 ชนิด
ช่วยป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียสาเหตุของสิว ต่อต้านริ้วรอย ลดรอยสิว จุดด่างดำ ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ

น้ำมันงา: มีกรดไขมันที่มีประโยชน์ วิตามิน เอ บี ซี แร่ธาตุหลายชนิด
ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ลดการเกิดสิวและการอักเสบของสิว ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก

น้ำมันโจโจ้บาร์:  เมื่อก่อนชาวแม็กซิโก อเมริกัน ใช้ในการรักษาแผล แต่ปัจจุบัน ใช้ในการรักษาสิว ผิวแตกลายช่วยให้ผิวเรียบเนียน ไม่อุดตันรูขุมขน ผิวนุ่มชุ่มชื่น ช่วยกำจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า


ตัวกล่อง
จะเป็นกล่องกระดาษสีขาว ตัวอักษรสีดำดูเรียบแต่เก๋ ตัวหนังสืออ่านง่ายเข้าใจง่าย


ตัวขวด
จะเป็นขวดแก้ว สีเขียวเข้ม ตัวฝาเป็นแบบหลอดหยด มาในปริมาณ 30 ml.


ลักษณะ เนื้อ สี กลิ่น
เนื้อเป็นน้ำมัน สีใสๆ มีความเหลวพอสมควร กลิ่นเป็นน้ำมันแต่มีความอ่อนมากไม่ฉุน ไม่เหม็นแต่อย่างใดค่ะ



มิ้วจะใช้เวลาที่ก่อนจะอาบน้ำ ทำความสะอาดใบหน้าในตอนเย็น นำสำลีชุบกับน้ำอุณหภูมิปกติ (หรือน้ำอุ่นก็ได้ค่ะ) บิดน้ำออกพอหมาด จากนั้นหยด Castor cleansing oil ลงบนสำลี 5-7 หยด แล้วเกลี่ยให้ทั่วสำลี จากนั้นก็นำมาเช็ดกับใบหน้าได้เหมือนกับตอนที่เราเช็ดเครื่องสำอางเลยค่ะ 


โดยมิ้วจะแปะสำลีลงบนเปลือกตาก่อนทิ้งไว้ 10 วินาที แล้วค่อยๆลูบออกจากหัวจาไปหางตา จากนั้นก็ไปแปะสำลีที่คิ้ว ทิ้งไว้ 10 วินาที แล้วลากออกจากใบหน้า แล้วก็มาเช็ดที่ปาก จากนั้นถึงค่อยเช็ดที่ส่วนผิวหน้าค่ะ
เมื่อเช็ดด้านที่เป็นน้ำมันเสร็จแล้ว ก็นำอีกด้านที่ยังไม่ได้เช็ดหน้ามาทำความสะอาดปิดท้ายอีกรอบหนึ่ง ก็จะได้ผิวหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางแล้วค่ะ


ความรู้สึกขณะเช็ดก็ไม่ได้รู้สึกแสบ หรือคันแต่อย่างใดค่ะ แต่ตกใจตรงที่มันทำความสะอาดได้อย่างหมดจดจริงๆ ถ้าเราเช็ดให้ดี เครื่องสำอางกันน้ำต่างๆที่แต่งหน้ามาก็คือหลุดออกหมดจริงๆค่ะ

หลังเช็ดทำความสะอาดหน้าก็รู้สึกว่าหน้าไม่แสบ ผิวไม่ลอกเลยค่ะ แถมผิวหน้าของเรายังชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย แต่ไม่มันเยิ้มเลย เหมือนมันไปเติมความชุ่มชื่น พร้อมกับ ทำความสะอาดผิวหน้าไปด้วยนั่นเองค่ะ

หลังจากเช็ดผิวหน้าเสร็จแล้วเราก็ไปล้างหน้าอาบน้ำตามปกติเลย จากนั้นก็มาบำรุงผิวหน้ากันต่อค่ะ




Argan Remix oils Pure Essential 100%


เป็นน้ำมันสกัดเย็นที่มากจาก น้ำมัน 3 ชนิค ก็คือ
น้ำมันอาร์แกน: มีวิตามิน เอ อี สารแอนตี้ออกซิแดนซ์  โอเมก้า 6,9
ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ รักษาการอักเสบของสิว

น้ำมันโรสฮิป: มีกรดไขมันที่จำเป็น โอเมก้า 3,6 วิตามิน เอ ซี ไลโคปีน
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ลดรอยแผลเป็นจากสิว ผิวนุ่ม ชุ่มชื้นเรียบเนียน

น้ำมันเมล็ดองุ่น: มีสารเคทิซิน อิพิเดอซิน วิตามินอี เลซิทิน
ช่วยให้ผิวแข็งแรง กระชับ ลดริ้วรอย รอยคล้ำรอบดวงตา


โดยรวมแล้วจึงช่วยให้ปรับสมดุลกับผิวหน้า นอกจากนี้น้ำมันยังมีเนื้อที่เป็นกรดไขมันที่ใกล้เคียงกับไขมันในมนุษย์ จึงสามารถซึมสู่ผิวได้อย่างง่ายดาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ได้กับทุกสภาพผิวแม่ผิวแพ้ง่าย

ผิวมัน:  ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นที่เพียงพอทำให้ผิวหน้าไม่ผลิตน้ำมันที่ใต้ผิวเพิ่ม จึงช่วยให้ผิวหน้าของเราไม่มันเพิ่มนั่นเอง
ผิวแห้ง: ก็ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากขึ้น หน้าจะได้ไม่เหี่ยวไม่มีริ้วรอย
ผิวผสม: ก็จะเข้าไปเติมความชุ่มชื้นในแต่ละส่วนให้ผิวมีความสุมดลนั่นเองค่ะ
ในส่วนของผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ เพราะเป็นน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ 100% จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แถมยังช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ



ตัวกล่องและตัวขวดก็มาในสีเดียวกับ ตัว Castor cleansing oil แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า มาในปริมาณ 15 ml


ลักษณะ เนื้อ สี กลิ่น
ก็มีความคล้ายกับ Castor cleansing oil เลยค่ะ แต่เนื้อจะมีความเข้มข้นกว่านั่นเอง


มิ้วจะใช้ Argan Remix oils Pure Essential 100% หลังจากที่อาบน้ำ ล้างหน้าเสร็จ ซับหน้าให้หมาดๆ จากนั้นก็หยด Argan Remix oils Pure Essential 100% มาประมาณ 2-3 หยดลงบน ฝ่ามือ แล้วนำมาถูมือเพื่อเป็นการวอร์มน้ำมันจากนั้นเอามือที่มีน้ำมันอยู่มานาบที่หน้าแก้ม จากนั้นเลื่อนมาที่กรอบหน้า แล้วนาบไปที่หน้าผาก กับคางอีกครั้ง จากนั้นนวดวนเบาๆออกจากใบหน้า แล้วนำมาทาที่คอค่ะ วิธีดังกล่าวจะไม่ทำให้หน้าโดนเสียดสีมากเกินไปแล้วตัวน้ำมันก็ยังซึมเข้าสู่ผิวได้ไวกว่าด้วยค่ะ
หรืออีกวิธีนึง ถ้ายังไม่ชินกับการใช้น้ำมัน ก็สามารถเอามาผสมกับครีมที่เราใช้ในชีวิตประจำวันด้วยก็ได้ค่ะ เป็นการลดขั้นตอนการทาครีมไปด้วย


ตอนทามิ้วรู้สึกว่าเนื้อลื่น เกลี่ยง่ายค่ะยิ่งเอามาผสมกับครีมแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าทายากแต่อย่างใด


หลังทาเสร็จทันทีก็รู้สึกว่าใบหน้าดูชุ่มชื่นขึ้นมาก ไม่มีความมันเยิ้ม แต่อย่างใดค่ะ

หลังใช้ น้ำมันสกัดเย็นทั้งสองตัวควบคู่กันไปเป็นเวลา ประมาณ 2 สัปดาห์ก็รู้สึกว่า หน้าดูอิ่มฟูขึ้น เรียบเนียนขึ้น รอยสิว จุดด่างดำดูจ่างลงอย่างเห็นได้ชัดค่ะ รูขุมขนดูกระชับขึ้นด้วย ตื่นมาล้างหน้าแต่ละครั้งหน้านี่นุ่มขึ้นมากๆเลยค่ะ นอกจากนี้หน้าก็ยังดูกระจ่างใสแถมไม่มีสิวขึ้นเพิ่มด้วย แสดงว่าตัวน้ำมันสกัดเย็นช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้จริงๆค่ะ


ส่วนในเรื่องของความมันนั้น มิ้วคิดว่าผิวของมิ้วมีความมันลดลงค่ะ แต่งหน้าได้ติดทนมากขึ้นด้วย จากเมื่อก่อนคือตอนที่ยังไม่ได้ใช้น้ำมันสกัดเย็น หน้าจะมันมากจนเรารู้สึกได้ แต่พอมาใช้น้ำมันเอามาผสมคู่กับครีมที่ใช้อยู่ก็รู้สึกว่า หน้ามันน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมากๆค่ะ รู้แบบนี้มิ้วใช้มาตั้งนานแล้ว ฮ่าๆ   และไม่ได้มีความมันเพิ่มแต่อย่างใดค่ะ


หลังจากนั้นมิ้วเลยเปลี่ยนความคิดในการใช้ น้ำมันบำรุงผิวหน้าไปเลยค่ะ เริ่มติดใจมากขึ้นแล้ว จากที่เมื่อก่อนมิ้วคิดว่าคนที่มีผิวมันจะใช้น้ำมันแล้วจะทำให้หน้าดูมันย่อง มันเยิ้ม แต่กลายเป็นว่ามันเข้าไปเติมความชุ่มชื่นในผิวเรา เมื่อผิวเราได้รับความชุ่มชื่นที่เพียงพอแล้ว น้ำมันใต้ผิวก็จะผลิตน้อยลง เลยทำให้ผิวหน้าของเรามีความมันลงลงนั่นเองค่ะ


รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมไปลองใช้ น้ำมันสกัดเย็นกันนะคะ แต่ถ้าให้มิ้วแนะนำก็คงต้องเป็นน้ำมันสกัดเย็นจากแบรนด์ N&A Beauty skincare นี่แหละค่ะ ของคนไทยทำเอง สามารถสั่งซื้อ กันได้ที่

Line @: @na-skincare
โทรศัพท์: 080-267-6778
ทั้งสองตัวราคาเท่ากัน คือ 490 บาท

เพราะคนไทยจะรู้ผิวคนไทยด้วยกันเองค่ะ




วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

รีวิวแป้งสีเข้มสุดทั้งหมดที่มี ผิวแทน ผิวสี ผิวมัน ต้องดู!!!

รีวิวแป้ง สีเบอร์เข้มสุด ทั้งหมดที่มี


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้มิ้วเอาใจสาวผิวสีเข้มเลยค่ะ ด้วยความที่มิ้วเป็นอีกคนนึงที่มีแป้งสีเข้ม เบอร์เข้มสุดอยู่หลายตัวมาก วันนี้เลยรวบรวมเอามาเม้ามอยให้ฟัง แต่ละตัวจะเป็นอย่างไร มิ้วใช้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า






โดยมิ้วจะไล่ราคาจาก น้อยไปหามากนะคะ เอาแบบสั้นๆง่ายๆได้ใจความก็แล้วกัน จะได้ดูไม่ยืดเยื้อค่ะ

1. Butae Super oil control powder
No.3 Golden Brown
ราคา 25- 75 บาท


เป็นแป้งตัวแรกๆที่มิ้วใช้เลยก็ว่าได้ และเป็นสีเข้มมากสุดที่มิ้วมี ข้อเสียจะเป็นที่พัฟมันดูใช้ยากสักหน่อย เวลาใช้จริงอาจจะซื้อพัฟแยกก็ได้ค่ะ


ตอนทาก็ค่อนข้างทาง่ายอยู่ค่ะ แต่ก็จะมีเศษฝุ่นผงแป้งร่วงลงมาบ้าง ก็ตามราคานะคะ
หลังทาเสร็จ สีเข้มเท่าแขนเลยทีเดียว แล้วหน้าก็แมทสนิทค่ะ แต่ก็ไม่ได้คุมมันมากนักอย่างว่านะคะ ราคาไม่ได้สูงมาก แต่ถือว่าดีเลยค่ะในระดับราคาเท่านี้

คำแนะนำ ถ้ารู้สึกว่าซื้อมาแล้วสีเข้มกว่าหน้ามากเกินไป ก็ใช้เป็นเฉดดิ้ง เอามาปัดที่กรอบหน้าได้ก็ช่วยให้หน้าเราดูมีมิติมากขึ้นค่ะ


เหมาะกับ คนงบน้อย คนที่เพิ่งเริ่มหัดแต่งหน้า นักศึกษา คนผิวหน้ามัน



2. Eglips Blur powder pact
เบอร์ 23 ราคา 2xx บาท


ตัวนี้แอบไม่ใช่สีเข้มสุดในตอนนี้นะคะ เพราะมันมีเบอร์ 25 ออกมาแล้ว ส่วนตัวแล้วชอบพัฟอันนี้มากเวลาใช้ดูเข้ากับเนื้อแป้งสุดๆ (เนื้อพัฟดูเป็นกำมหยี่นุ่มๆ)


ตอนทาก็รู้สึกว่าแป้งไม่เป็นฝุ่นผงออกมามากนัก ทาเดี่ยวแล้วหน้าก็ไม่ลอยมากค่ะ แต่ถ้าคนสีผิวเข้มกว่ามิ้วอาจจะเห็นชัดกว่า แต่ที่ชอบก็คือ รูขุมขนดูเบลอจริงๆค่ะ คุมมันก็ดีเลยทีเดียว ไม่เป็นคราบด้วย

คะแนะนำ เวลาทามิ้วจะใช้คู่กับรองพื้นที่สีเข้มๆค่ะ ก็คือหลังจากที่เราทารองพื้นสีเข้มแล้ว ก็เซทด้วย ตัวนี้ ก็คือชอบมากๆ

เหมาะกับ คนที่มีรูขุมขนกว้างมากๆ ผิวมัน นักเรียน นักศึกษา


3. Chao Nang Perfest bright UV 2 Way powder Foundation SPF20 PA+++
No.03 ราคา 2xx - 3xx บาท


แป้งตัวนี้เป็นอีกตัวนึงที่มิ้วชอบมากค่ะ ทั้ง ตัวตลับ สีแป้ง เนื้อแป้ง ทำได้ดีเลยทีเดียว พกใส่กระเป๋าอยู่ช่วงนึงเลยทีเดียวค่ะ บิวตี้บล็อคเกอร์ หลายๆคนก็การันตีมาด้วยว่างานดีมาก แต่พัฟเขาอาจจะแข็งไปในช่วงแรกๆเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น แต่ใช้ไปสักพักมันจะนุ่มขึ้นค่ะ กลิ่นแป้งมีกลิ่นหอมอ่อนๆ


ตอนทาก็รู้สึกว่าทาง่ายใช้ง่าย เพราะพัฟค่อนข้างใหญ่ ไม่มีฝุ่นร่วงลงมาให้กวนใจ
หลังทาก็รู้สึกว่าหน้าเนียนมาก ไม่เป็นคราบ ปกปิดดีเลยค่ะ ใช้แค่แป้งเดี่ยวๆก็ยังรอด คุมมัน ติดทนดีเลยค่ะ

คะแนะนำ สามารถใช้ได้ทั้งแบบเปียก(เอาพัฟมาชุบน้ำแล้วไปแตะที่แป้ง) และแบบแห้ง โดยที่แบบเปียกจะกันน้ำได้มากว่า ติดผิวมากกว่า และดูธรรมชาติมากกว่าค่ะ แต่ถ้าเอาว่าเร็วและความถนัดก็ ใช้แบบแห้งจะสะดวกกว่า

เหมาะกับ คนผิวมัน นักศึกษา คนที่มีเวลาแต่งหน้าน้อย ทำกิจกรรมเยอะ จริงๆเหมาะกับทุกคนค่ะ


4. Mr. Wat 1-minite whitening cake powder founfation SPF18 pa++
เบอร์ C2 ราคา 2xx - 3xx บาท


เป็นแป้งที่ออกมานานแล้วค่ะ ตัวนี้ก็ช่วยเบลอรูขุมขนได้ดีเลยทีเดียว แถมปกปิดก็อยู่ในระดับทีดีค่ะ แต่เสียดาย สียังขาวไปเล็กน้อยถ้าเอามาทาเดี่ยวๆ เนื้อแป้งมี กลิตเตอร์ผสมอยู่นิดๆค่ะ พัฟก็นุ่มกำลังดี


ตอนทาก็ทาง่าย ไม่มีฝุ่นผงร่วงลงมา หลังทาก็ไม่เป็นคราบแต่อย่างใดค่ะ สีก็ไม่ค่อยลอยมาก แต่เบลอผิวได้ดีจริงๆค่ะ

คำแนะนำ ถ้าใช้ทาเดี่ยวๆแล้วหน้ายังขาวไป ลองใช้เฉดดิ้งทาที่กรอบหน้าดูค่ะ หรือไม่ก็ใช้คู่กับรองพื้นที่มีสีเข้ม เซทหลังทารองพื้นเสร็จ จะช่วยให้สีหน้าดูพอดีกับแขนมากขึ้นค่ะ

เหมาะกับ คนที่มีรูขมขนกว้าง สีผิวขาวเหลือง ผิวมัน คนที่ใบหน้าหมองคล้ำ(ทาบริเวณหน้าผาก สันจมูก คาง และหน้าแก้ม)


5. Rebecca Keep a srcret Flawless Dream Powder SPF 25 pa+++
No.03 ราคา  3xx - 4xx บาท


เป็นแป้งอีกตัวที่ให้ความเนียนกับผิวมากๆ ตลับก็สวย สีแป้งก็ดีเข้ากับผิวมิ้วมากๆค่ะ ทุกวันนี้พกไว้ในกระเป๋า เอาไว้เติมระหว่างวัน หน้าก็ไม่เป็นคราบ หน้าไม่ดูแห้งจนเกินไปค่ะ ชอบอีกอย่างคือพัฟค่ะ มีความนุ่มมากๆ


ตอนทาก็คือทาง่าย ไม่มีฝุ่นร่วงลงมาอีกเช่นกันหน้าดูเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หน้าก็ไม่แห้งจนเกินไป ที่สำคัญ ไม่เป็นคราบด้วยค่ะ

คำแนะนำ พอใช้แป้งไปสักพัก ต้องระวังตอนเปิดด้วยค่ะ ตัวที่กดมันอาจจะดูหลวมๆไปสักหน่อย เลยทำให้แป้งเปิดตอนที่เราไม่ได้ใช้ค่ะ จะพกไปก็ระวังตลับแป้งเปิดด้วยนะคะ

เหมาะกับ คนที่พอมีงบหน่อย สาวๆวัยทำงาน คนผิวมัน มีเวลาแต่งหน้าน้อย


6. Beneficial Ultimate coverage foundation powder
เบอร์ 06 Honey ราคา 575 บาท


เป็นแป้งที่ราคาแพงสุดที่มิ้วมีค่ะ ตัวตลับสวยเก๋ แตกต่าง ชั้นใส่พัฟจะอยู่ด้านบนของตลับแป้ง ตอนเปิดไม่ต้องกลัวตลับจะเปิดเอง เพราะมีแม่เหล็กด้วยทำให้ตัวตลับปิดสนิทแน่นอนค่ะ


ตอนทาแอบมีฝุ่นแป้งร่วงลงมานิดๆ หน้าจะดูแมทขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่สีอาจจะดูขาวกว่าแขนไปสักหน่อย แต่เรื่องความปกปิดถือว่าทำดีเลยค่ะ

คำแนะนำ ตัวนี้สามารถทาเดี่ยวๆ ทาออกงานได้เลย เวลาเรารีบๆค่ะ(ยิ่งใช้คอนซิลเลอร์มาปกปิดก่อนก็จะเริ่ดกว่าค่ะ) แต่ก็ต้องใช้เฉดดิ้งปัดที่กรอบหน้าด้วย หน้าจะได้ดูไม่ลอยนั่นเอง

เหมาะกับ คนที่พอมีงบหน่อย สาวๆออฟฟิต คนที่มีเวลาแต่งหน้าน้อย


7. Beneficial All day sun protection foundation powder SPF 50 PA++++
สี Honey ราคา 575 บาท


ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวนึงที่มิ้วชอบค่ะ เวลารีบๆตัวนี้ตัวเดียวก็เอาอยู่ จุดเด่นของตัวนี้คือ มีความเล่นแสงมากแบบสวยทุกแสงอย่างที่เขาบอกจริงๆค่ะ เพราะเขามีตัวที่ช่วยกระจายแสงอยู่ในแป้ง พัฟนุ่มกำลังดี

ตัวนี้จะแตกต่างจากรุ่นที่แล้ว ก็คือ หลังทาหน้าจะดูเป็นผิวมากกว่า คุมมันมากกว่าค่ะ


ตัวนี้ตอนทาก็มีฝุ่นผงร่วงลงมาอีกเช่นกัน ทาง่าย เกลี่ยง่าย ด้วยความที่พัฟเขาเป็นวงรีจึงซอกซอนเข้าไปที่แคบๆได้ดีกว่าพัฟลักษณะกลมค่ะ หลังทาเสร็จหน้าดูสวยฉ่ำเล่นแสง แต่หน้าไม่มันเยิ้ม ดูแมทกำลังดีค่ะ ไม่เป็นคราบแต่อย่างใด

คำแนะนำ ควรใช้คู่กับคอลซิลเลอร์จะสวยปังกว่า แล้วปัดด้วยเฉดดิ้ง แค่นี้ก็สวยได้โดยไม่ง้อรองพื้นแล้วค่ะ หรือใช้คู่กับแปรง เพื่อเซทรองพื้นก็ดูสวยเล่นแสงดีค่ะ

เหมาะกับ คนผิวมันที่อยากให้หน้าดูฉ่ำสวย คนที่พอมีงบหน่อย อยากได้ใบหน้าที่ดูเล่นแสง สวยแบบเป็นผิวสุขภาพดีค่ะ


เปรียบเทียบแป้งแต่ละตัวให้ดูกันค่ะ




เรียงลำดับความปกปิดจาก มากไปหาน้อยได้ดังนี้
6>7>5>3>4>2>1


เมื่อปาดสีลงบนแขน


เมื่อเปรียบเทียบสีกันจะเห็นได้ว่า เบอร์ 1 สีเข้มสุดจริงๆค่ะ สีสว่างที่สุดจะเป็นเบอร์ 2 และ 4 นั่นเอง



การกันน้ำ



เมื่อลองเอาน้ำมาผ่านๆดูก็เห็นว่ามันก็ยังคงติดที่ผิวเกือบทุกเบอร์นะคะ ยกเว้น เบอร์ 4 ที่จะจางกว่าเพื่อน

การกันน้ำได้จากที่มิ้วเห็น เรียงลำดับจากมากไปน้อยก็คือ
5>7>6>3>1>2>4


หลังผ่านน้ำแล้วเอากระดาษทิชชู่มาซับดูก็พบว่าแป้งยังพอหลงเหลือสีอยู่บ้างค่ะ แต่ถ้าเอามือมาถูอีกรอบนึงแป้งก็เริ่มจางหายไปเกือบทุกแบรนด์ค่ะ




ก็ต้องบอกก่อนว่า แต่ละตัวอาจจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าถามว่ามิ้วชอบตัวไหนมากที่สุดก็จะเรียงลำดับจากชอบมากที่สุดไปน้อยที่สุด ได้ดังนี้ค่ะ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะ) ตัดสินจากภาพรวมความคุ้มค่า สีที่พอดีกับผิว และคุณสมบัติการปกปิดติดทนค่ะ

3>5>7>6>2>1>4

แต่จะบอกว่าแป้งทุกตัวมิ้วก็สลับกันใช้ไปในแต่ละวันนะคะ เพราะคุณสมบัติบางอย่างไม่เหมือนกัน

ถ้าอยากได้ความเบลอผิว
ก็จะใช้แป้ง 2,4 แต่ต้องใช้รองพื้นที่มีสีเข้มทาก่อน จะได้พอดีกับผิวค่ะ

ถ้าอยากได้ความเนียนไปกับผิว ก็แนะนำเป็น
3,5,6,7 ค่ะ เพราะเป็นแป้งที่ทาแล้วไม่เป็นคราบ ทาเดี่ยว โดยไม่ต้องลงรองพื้นก็ได้ค่ะ

ถ้าอยากได้สีพอดีกับผิวตัว หรือ ทาเป็นสีเฉดดิ้งแบบธรรมชาติ ก็แนะนำเป็น
1 นั่นเองค่ะ


หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ในการตัดสินใจในการซื้อแป้ง สำหรับสาวผิวสีนะคะ เลือกที่เหมาะกับสีผิว และสภาพผิวของเราให้มากที่สุดค่ะ



วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

คิ้วสวยด้วย เจ้านาง Slim Waterproof eyebrow | MG-Review

CHAONANG
Slim Waterproof eyebrow


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้มิ้วจะพาทุกคนไปรู้จักกับที่เขียนคิ้วแบรน เจ้านาง ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทยนี่เองค่ะ แค่เห็นกล่องและแพคเกจก็สวย และน่าสนใจมากๆแล้ว รายละเอียดจะเป็นอย่างไร มิ้วใช้แล้วจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า






เจ้านาง Slim Waterproof eyebrow เป็นดินสอเขียนคิ้วแบบหมุนไม่ต้องเหลา มีหัวเล็กเพียง 1.5 มิลลิเมตร มีคุณสมบัติกันน้ำ กันเหงื่อ สีชัด ติดทนตลอดวัน มาพร้อมแปรงปัดคิ้วในตัวค่ะ 
มาในปริมาณสุทธิ 0.12 กรัม 
ราคา 199 บาท (ราคาที่กล่อง)


ตัวกล่อง ด้านหน้า มาในสีขาวลายหินอ่อน สวยหรูดูแพงมากๆค่ะ เห็นโลโก้แบรนด์เจ้านางชัดเจน
ด้านข้าง เป็นรูปตัวแท่งดินสอทำให้เราเห็นภาพตัวแท่งมากขึ้นค่ะ
ด้านหลังกล่องเป็นคำอธิบาย วิธีใช้ ส่วนประกอบ เลขที่รับแจ้ง สถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า ช่องทางการจัดจำหน่าย




ตัวแท่งก็มาแบบพลาสติดสีขาวสวยเด่นมาก แท่งเรียวเล็ก ด้านหนึ่งเป็นดินสอเรียวเล็ก ขนาด 1.5 มิลลิเมตร มาพร้อมแปรงปัดในตัวค่ะ







เมื่อลองเขียนลงบนหลังมือสิ่งแรกที่รู้สึกเลยก็คือ เนื้อลื่นเขียนง่ายมากๆ สีก็ชัดดีเลยค่ะ ลืมบอกไปว่า มิ้วเลือกสีเบอร์ 03 Almond Brow  สีจะออกเป็น น้ำตาลอมแดงๆ เหมาะกับสีผมโทนแดงๆนั่นเองค่ะ
ส่วน เบอร์ 01 espresso brow (เอสเพรสโซ่ บราวน์) จะเป็นสีน้ำตาลอมเทา
เบอร์ 02 caramel brow (คาราเมล บราวน์) สีน้ำตาลอมทอง

ก่อนที่เราจะเขียนคิ้ว สำหรับคนที่ไม่เคยเขียนคิ้วมาก่อน มิ้วก็แนะนำให้ไปกันคิ้วที่ร้านก่อนนะคะ (ราคาไม่แพงมาก หรือจะให้คนที่กันคิ้วเป็นกันให้ก็ได้ค่ะ) เพื่อความสวยงามและเห็นโครงคิ้วที่ชัดเจน บอกเขาว่าเอาขนคิ้วส่วนเกินออกก็พอค่ะ และเอาหางคิ้วไว้ด้วยนะคะ ฮ่าๆๆ  จากนั้นเราก็ไปวัดคิ้วและเริ่มเขียนคิ้วกันค่ะ



ก่อนที่เราจะเขียนคิ้วสำหรับมือใหม่ มิ้วก็แนะนำให้เราวัดคิ้วก่อนเขียนคิ้วค่ะ เพื่อความสวยงามมากขึ้นไปอีก โดยสามารถใช้ดินสอเขียนคิ้ว วัดคิ้วได้เลยค่ะ (ดูตามภาพก็ได้ค่ะ)

หัวคิ้ว ให้ใช้ดินสอเขียนคิ้วตั้งตรงตำแหน่งปีกจมูกให้ผ่านปลายตาดำไปถึงหัวคิ้ว
จุดสูงสุดของคิ้ว ให้ดินสอเขียนคิ้วเอียงผ่านปีกจมูก แล้วก็ก็ผ่านกึ่งกลางตาดำไป
หางคิ้ว วัดจากดินสอเขียนคิ้วผ่านปีกจมูก ไปยังหางตาของเราค่ะ

ส่วนความหนาของคิ้วก็ดูให้พอดีกับคิ้วเดิม หรือดูตามความเหมาะสมกับโครงหน้าค่ะ



หลังจากนั้นก็มาเริ่มเขียนคิ้วกันค่ะ ก่อนอื่นมิ้วก็จะใช้แปรงมาปัดขนคิ้วให้ดูเรียงเส้นกันก่อน
จากนั้น ให้หมุนดินสอออกมาทีละนิดค่ะ อย่าหมุนยาวเกินไป มันจะหักนั่นเอง

เวลาเขียนคิ้ว มิ้วเริ่มจากการเขียนฐานคิ้วก่อน แล้วก็ไล่ไปถึงหางคิ้ว เวลาเขียนก็ใช้การเขียน สะกิด เป็นเส้นสั้นๆ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติค่ะ

แล้วก็ค่อยๆเติมคิ้วให้เต็มตามความหนาของคิ้ว เทคนิคของมิ้วคือมิ้วจะเติมจากหางคิ้วก่อนแล้วค่อยๆไล่ไปถึงหัวคิ้วตามที่เรากำหนดไว้นั่นเองค่ะ

จากนั้นก็ใช้แปรงที่ติดมากับที่เขียนคิ้ว ปัดขนคิ้วให้เรียงเส้นอีกครั้ง โดยปัดให้ขนคิ้วดูตั้งๆขึ้น คิ้วก็จะดูหนาและเป็นธรรมชาติมากๆเลยค่ะ จริงๆแค่นี้ก็เป็นอันเสร็จค่ะ 

แต่ถ้าใครมีขนคิ้วที่สีเข้มมากๆ ก็อย่าลืมใช้มาสคาร่าปัดคิ้วเพื่อให้สีคิ้วดูอ่อนลงด้วยนะคะ


หลังเขียนคิ้วก็จะออกมาเป็นประมาณนี้ค่า ดูสวยเป็นธรรมชาติมากๆเลย


ความรู้สึกก่อน - หลังใช้
ก่อนเขียนคิ้ว มิ้วพอจะมีขนคิ้วอยู่บ้างค่ะ คิ้วก็พอจะเป็นทรงอยู่แล้ว แต่คิ้วทั้งสองข้างมันไม่เท่ากัน (ซึ่งเป็นเรื่องปกติค่ะ)

ระหว่างเขียนคิ้ว รู้สึกว่า Slim Waterproof eyebrow เป็นดินสอที่ เนื้อลื่น เขียนง่ายมาก ไม่ต้องใช้แรงกดเยอะด้วยค่ะ แถมเนื้อยังซอกซอนเข้าไปในขนคิ้วค่อนข้างง่าย เพราะหัวมันเล็กมากๆนั่นเอง

หลังเขียนคิ้ว ก็รู้สึกว่าคิ้วดูเต็มขึ้น ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าก่อนเขียนนั่นเองค่ะ



ลุคหลังเขียนคิ้วเสร็จแล้วเรียบร้อยค่า ดูละมุนละม่อม ผู้ชายเห็นแล้วไม่ตกใจ ฮ่าๆๆ ส่วนความติดทนนั้นไม่ต้องพูดถึง อยู่ตั้งแต่เช้าจรดเย็นค่า สำหรับมิ้วนะ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ สภาพผิวของแต่ละคนด้วยนะคะ) 

แนะนำว่า เวลามีเหงื่อไหล ให้ใช้ทิชชู่ค่อยๆซับเหงื่อ แทนการใช้มือปาดนะคะ คิ้วจะอยู่ทรงติดทนทั้งวันแน่นอน


เรียกได้วว่าเป็นดินสอเขียนคิ้วอีกแบรนด์ ที่มิ้วตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลยค่ะ นอกจากตัวแท่งจะสีขาวละมุนดูโดดเด่นสวยสะดุดตาแล้ว ยังเนื้อลื่นเขียนง่าย อีกด้วย อยากให้ทุกคนได้ลองจริงๆ จะได้เห็นถึงความรู้สึกของมิ้วตอนนี้ ฮ่าๆ


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการรีวิวดินสอเขียนคิ้ว Slim Waterproof Eyebrow จาก แบรนด์ เจ้านาง หวังว่าจะชอบและถูกใจกันนะคะ


ถ้าใครสนใจดินสอเขียนคิ้วแบรนด์ไทยแบรนด์นี้ ก็สามารถสั่งซื้อมาลองใช้กันได้ที่ แฟนเพจ
https://www.facebook.com/Chaonangofficial/

หรือซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
Lotusโลตัสใหญ่ ทุกสาขา
Tops ท๊อป ซุปเปอร์มาเกต
Eveandboy ทุกสาขา
Konvy
Watsons
บิวเที่ยม
Beauticool
Lashes
Stardust
Suncosmate
Beauty club
Beauty market
CJ Express
และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ