วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

10 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนมา งานวัง (งานแผ่นดินสมเด็จพระนารานณ์) จังหวัดลพบุรี | MG-Review

10 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนมา งานแผ่นดินสมเด็จพระนารานณ์
จังหวัดลพบุรี




งานวัง หรือ งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี (แล้วแต่ช่วงค่ะว่าจะจัดวันที่เท่าไหร่ไม่ได้ตายตัว) ถือได้ว่าเป็นงานประจำปีของชาวลพบุรีเลยทีเดียว แต่ก่อน จัดขึ้นเพื่อ  หาทุนไปสร้าง อนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์ แต่ต่อมาจัดเพื่อ ให้ได้รู้จักจังหวัดลพบุรีมากขึ้น ได้มาเที่ยวชมวังนารายณ์ และโบราณสถานรอบๆวัง จัดครั้งแรกมีชื่องานว่า "นารายณ์รำลึก" ภายในงาน มีแสง สี ไฟประดับประดา ดอกไม้สายพันธ์ต่างๆ ตลาดนัดของดีจังวัดลพบุรี งานแสดงดนตรี ของชาวลพบุรี และที่ขาดไม่ได้คือทุกคนที่มางาน สามารถแต่งชุดไทยมาถ่ายรูปกันได้อย่างสวยงามค่ะ จะยุคไหนก็ได้ เรียกได้ว่า ใครแต่งชุดปกติมาคือแปลกไปเลยสำหรับงานนี้ เหมือนเราได้ย้อนอดีตไปสมัยนั้นจริงๆเลยค่ะ

มิ้วได้ประมวลภาพ งานวัง ไว้เมื่อปี 2561 ทุกคนสามารถย้อนไปดูบรรยากาศได้ที่นี่ค่ะ
https://www.jeban.com/topic/247937




คราวนี้มิ้วจะมาบอกว่า คนอื่นๆที่จะมาเที่ยวงานวัง ควรจะรู้อะไรบ้างนะคะ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของมิ้วเอง เท่าที่มิ้วพอจะนึกได้ค่ะ รวบรวมไว้ในบทความนี้มั้งหมดนะคะ

1. การเดินทาง
อันดับแรกเลยคือารเดินทาง เราสามารถเดินทางได้หลายประเภทค่ะ
- รถยนต์ส่วนตัว
คนที่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถ ตั้ง GPS มาที่ ลพบุรี ได้เลยค่ะ ถ้าจะให้ละเอียดกว่านั้นก็ ค้นหาคำว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์" เลยก็ได้ โดยสถานที่ จอดรถ สะดวกที่สุดก็คือ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ข้างๆศาลพระกาฬค่ะ หรือบริเวณรอบๆตัวเมืองที่มีจุดรับฝากรถค่ะ แล้วนั่งรถรางจาก โรงเรียนพิบูลมาได้เลยค่ะ สะดวกดี จริงๆจะเดินมาก็ได้ค่ะมันไม่ได้ไกลกันมาก ประมาณ 300 เมตรเองค่ะ

ถ้ามาจาก กทม. ก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงค่ะ ถ้ารถในกทม.ไม่ติดนะ ฮ่าๆๆ

- มอเตอร์ไซด์
อันนี้มิ้วคิดว่าน่าจะเป็นคนที่อยู่แถวๆลพบุรีค่ะ ก็สามารถจอดรถได้ที่รอบๆในตัวเมืองได้เลย แต่แนะนำว่าจอดตรงทางรถไฟ หรือที่เขามีรับฝากรถจะดีกว่าค่ะ จะมีคนคอยดูให้และมีบัตรรถชัดเจนค่ะ

เพราะรอบๆวังจะมีตลาดถนนคนเดิน ถนนจะปิดเพื่อให้ขายของทั้งหมดค่ะ

-รถไฟ
คนที่อยู่จังหวัดใกล้เคียง แล้วอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ ก็ขึ้นรถไฟมาลงที่ สถานี "ลพบุรี" ได้เลยค่ะ สะดวกและถูกดี นั่งรถไฟชิลๆชมบรรยากาศสองข้างทางได้เลย พอลงสถานีมาแล้ว ก็จะเจอกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ มีไฟประดับสวยเด่นเลย เดินเข้าซอยไปอีกหน่อยก็จะเจอสวนราชานุสรณ์ ที่มีไฟประดับสวยงาม เดินเข้าตลาดถนนคนเดินมา ไปอีกนิดก็ถึงวังนารายณ์ แล้วค่ะ
ระยะเวลาเดินทางมิ้วไม่แน่ใจ ลองดูเวลาตอนออกเดินทางเอานะคะ ราคาก็มีทั้งฟรีและเสียเงิน แต่ไม่แพงไปแน่นอน

ช่องแบร์ฮัก ก็มางานวังด้วยนะ



- รถตู้
อีกทางที่สะดวกก็คือ รถตู้นั่นเอง โดยถ้านั่งมาจาก กทม. ก็เข้าอาคารผู้โดยสาร B แล้วก็เข้าไปที่ เค้าเตอร์ หมายเลข 3 ได้เลยค่ะ จะมีท่ารถตู้ชื่อว่า KO บ้านเบิก อยู่ โดย รถตู้ KO จะลงในเมือง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวังพอดีค่ะ และก็มีเค้าเตอร์ใกล้ๆกัน ที่มีรถผ่านทาง สระบุรี ลพบุรี ค่ะ อันนี้จะไปลงที่บขส.ลพบุรี (ถ้าลงที่ บขส.ลพบุรี ก็จะต้องนั่งรถต่อมาในเมืองอีกต่อนึงค่ะ เป็นรถดงจำปา ที่มีสีแดงๆนั่นเอง)

มิ้วแนะนำว่า ขึ้น รถตู้ KO จะสะดวกและไวกว่าค่ะ ใช้ เวลาจาก กทม.- ลพบุรี ก็ประมาณ 2 ชั่วโมง ราคา 120 บาทค่ะ




2. ไม่ได้จัดแค่ที่วังนารายณ์
งานวัง ไม่ได้มีแค่ในวังนารายณ์เท่านั้นค่ะ เพราะรอบๆตัวเมืองลพบุรี ตรงส่วนใกล้ๆวังนารายณ์ก็มีโบราณสถานที่สวยงาม และจัดไฟ ดอกไม้ประดับประดาไว้สวยงามเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น



- ตลาดนัด ถนนคนเดิน
หน้างานวังจะเป็นตลาดนัด ถนนคนเดินค่ะ ขายของหลายอย่าง ทั้งของกิน ชุดไทย เครื่องประดับ ขนม น้ำ ต่างๆ ช้อปกันได้ตามสบายค่ะ โดยจะมีตลาดสองที่ ที่อยู่ใกล้ๆกันค่ะ ก็คือที่หน้าวัง กับข้างวัง ในส่วนของข้างวัง ก็จะเป็นตลาดที่ขายของ กิน ขึ้นชื่อ ของ ลพบุรีค่ะจะเป็นตลาดที่ใหญ่กว่า ด้านหน้าวัง
ตลาดหน้าโรงเรียนวินิต ก็จะเป็นเกี่ยวกับ พวก OTOP ขึ้นชื่อของ ลพบุรีค่ะ (เท่าที่มิ้วจำได้นะคะ)







- สวนราชานุสรณ์
ผ่านถนนคนเดินหน้าวังมาก็จะเจอสวนราชานุสรณ์แล้วค่ะ โดยภายในงาน ก็มีไฟประดับ ดอกไม้ต่างๆ และเวทีการแสดง ให้ทุกคนได้พักผ่อนสายตา และถ่ายรูปกันได้ทุกจุดเลย (แล้วแต่ปีนะคะว่าจะจัดงานในลักษณะไหน อันนี้มิ้วก็เอามาพูดในส่วนของปี 2561 ค่ะ)




- ปรางค์แขก
ในส่วนของปรางค์แขก จะเป็นดอกไม้ สายพันธุ์ สวยงามต่างๆ มารวบรวมไว้ จัดแบ่งโซนสีสันสวยงาม มีเวทีเล็กๆแสดงดนตรีอีกเช่นกันค่ะ




- บ้านเจ้าพระยาวิชาเยน
เดินเข้าไปตามถนนทางซ้ายตรงแยกไปแดง หลังจากที่เราผ่านปรางค์แขกมาแล้ว ก็จะเป็นบ้านเจ้าพระยาวิชาเยนนั่นเองค่ะ เป็นโบราณสถานที่เหลืออยู่บางส่วน ในสไตล์ฝรั่ง เราจะได้เห็นว่า พระยาวิชาเยนเป็นบุคคลที่สมเด็จพระนารายณ์มีความสนิทสนมมากขนาดไหนถึงขนาดมีบ้านหลังใหญ่ ไว้ใกล้วังนารายณ์เลยทีเดียว ภายในมีชุดฝรั่งสมัยก่อนให้ใส่ถ่ายรูป มีเวทีการแสดง และของขายบางส่วนด้วยค่ะ



ถ้าออกมาด้านหน้าประตู แล้วเดินตรงไปตามถนน ฝรั่งเศส ก็จะเจอตลาดนัดข้างวังนั่นเอง ไปช้อปกันได้ตามสบายค่ะ




3. มีชุดไทยให้เช่า
ที่งานวัง ตรงหน้าประตูทางเข้าอีกทางหนึ่งจะมีชุดไทยให้ใส่ฟรีค่ะ แต่ปีนี้(2562) ไม่รู้ว่าจะมีอีกไหม คำว่าของฟรี ก็อย่าไปคาดหวังว่ามันจะสวยอลังการมากนะคะ แต่แบบจ่ายเงินค่าเช่าชุดก็มีค่ะ จะอยู่ตรงถนนคนเดิน ด้านหน้าวังนั่นเอง อยากให้สวยอลังแค่ไหนก็จัดไปโลด นานๆแต่งทีเอาไปใส่กันให้สวยๆดีกว่าค่ะ สำหรับคนที่พอมีงบ ราคาก็อยู่ในช่วง หลักร้อยต้นๆ ถึงหลักร้อยปลายๆก็มี หรือใครอยากซื้อเก็บไว้ใส่หลายๆงานก็ไปซื้อได้ที่ตลาดนัดได้เลยจร้า มีขายอยู่ทั่วไป

มิ้วเคยทำคลิปพาไปช้อปชุดไทยด้วย (แต่คลิปอาจจะเวียนหัวหน่อยนะคะ ไม่มีกันสั่นวิดีโอ)  ไปดูกันได้เลย



4. ไม่มี บัตรขาย
งานวังไม่มีบัตรขายนะคะ ตอนเข้าไปข้างในก็เดินเข้าไปถ่ายรูปสวยๆได้เลย แต่มิ้วคิดว่า มันจะเสียตังตอนที่เราจะกินขันโตก(มั้งคะ) ซึ่งจะอยู่เข้าไปอีกด้านใน ถ้ามันยังมีอยู่นะ แต่บัตรขายหน้างานตรงทางเข้านี่ไม่มีค่ะ



5.ด้านในวังจะมีตลาดนัดย้อนยุคอยู่หลายตลาดค่ะ
 ถ้าอยากอินในความโบราณจริงๆก็มีตลาดย้อนยุคที่ใช้เงินพดด้วง เพื่อเอาไปซื้อของในตลาดนั้นได้ด้วย เราก็จะเอาเงินจริงๆของเราไปแลกเป็นเงินพดด้วยไว้ใช้จ่ายได้เลยค่ะ

6. ห้องน้ำ
ในส่วนของห้องน้ำ นั้น จะอยู่ตรงหลังตึกสีเขียว ที่ประตูหน้าวังค่ะ ก็คือ เข้าวังมาจะเจอตึกสีเขียวๆด้านซ้ายมือ แล้วห้องน้ำก็จะอยู่ด้านหลังตึกอีกที แล้วก็มีรถห้องน้ำสาธารณะคันใหญ่ๆบริการอยู่ค่ะ ไม่ต้องห่วงว่านจะไม่มีห้องน้ำเข้านะคะ




7. มีการเดินขบวร เปลี่ยนเวรของทหาร
จะมีขบวรของทหารสมัยก่อนมาเปลี่ยนเวรตรงประตูใหญ่ค่ะ แต่มิ้วไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนทุกกี่นาทีหรือกี่ชั่วโมง ต้องไปดูเอา เป็นอีกช่วงเวลาที่น่าถ่ายรูปเก็บไว้มากๆ คล้ายๆกับในพระราชวังที่มักจะมีการเปลี่ยนเวรอยู่เสมอนั่นเอง



8. พี่ทหารนิ่งมากๆ
ที่งานวังจะมีพี่ทหารที่ใส่ชุดทหารโบราณมาเฝ้าที่ประตูวังค่ะ ไม่ต้องไปทักเขานะคะ เพราะเขาไม่พูด ไม่ขยับ ไม่โต้ตอบใดทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเล่นมุกอะไรก็ตาม เขาไม่คุยด้วยเลย เขาไม่ได้หยิ่งนะคะ มันเป็นหน้าที่ของเขานั่นเองค่ะ




9. อย่าลืมไปสักการะ  รูปปั้นองค์สมเด็จพระนารายณ์
มาวังนารายณทั้งที ได้ถ่ายรูปสวยๆแล้วก็อย่าลืมไปสักการะ รูปปั้นองค์สมเด็จพระนารายณ์ที่ด้วยตรงข้างๆกำแพงของเขตพระราชถานชั้นในด้วยนะคะ ก็คือพอเข้าไปในวังแล้วเราจะเห็นต้นไม่รูปช้าง สองตัวอยู่ตรงประตู แล้วเราก็เลี้ยวซ้ายไปจะมีทางเดินเข้าไปก็จะเห็นรูปปั้นองค์สมเด็จพระนารายณ์แล้วค่ะ หรือไปที่ พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท หรือ ไปที่ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ก็ได้เช่นกัน




10. มีการแสดงประวัติของสมเด็จพระนารายณ์ แบบใช้คนจริงๆเล่นกับสถานที่จริงด้วย
ถ้าเรามีเวลาสักหน่อย อยากได้บรรยากาศเหมือนเราไปอยู่ในช่วงเวลานั้นจริงๆมิ้วแนะนำว่า ให้ดูการแสดงแสงสีเสียงที่จำลองประวัติของสมเด็จพระนารายณ์เลยค่ะ เพราะจะใช้คนจริงๆเล่นกับโบราณสถานจริง แล้วก็มีการเดินไปตามตึกต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงด้วย ทำให้เราเห็นภาพจริงและรับรู้ถึงพระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์ได้อย่างแท้จริงค่ะ



ปล. ในวังนารายณ์ไม่มีลิงนะคะไม่ต้องกลัว ลิงมันจะอยู่แถวๆปรางค์สามยอด ทางรถไฟอะไรทำนองนี้ วันที่มีงานวังคนจะเยอะมาก ลิงมันไม่กล้ามาหรอก ฮ่าๆ



หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะมา งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ นะคะ ไม่ว่าจะเป็นปีไหนก็ตาม ขอให้เที่ยวกันให้สนุก รักษาทำเนียมประเพณีไทยกันเอาไว้ ถ่ายรูปสวยๆแล้วเชคอิน ที่วังนารายณ์กันเยอะๆนะคะ ในฐานะของมิ้วที่เป็นคนลพบุรี ภูมิใจมากๆที่มีงานดีๆแบบนี้ให้คนไทยได้เที่ยวกัน 

เอ้อ ถ้าไปงานวังแล้วก็อย่าลืมไบขึ้นเขาวงพระจันทร์ ทุ่งทานตะวัน เขื่อนปาสักกันนะคะ มาลพบุรีก็จัดไปแบบคุ้มเลยจ้า 



มิ้วมีบทความที่พาไปเที่ยว วังนารายร์ตอนกลางวันด้วย เข้าไปอ่านเพิ่มเดิมได้ค่ะที่

https://milkmerrygirl-review.blogspot.com/2018/03/huji-cam-mg-review.html





วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เคลียสิว ผิวใส มาเป็นเซ็ท ลอก ล้าง เช็ด กับ Neonna Family | MG-Review

 NEONNA 


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้ ใครที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ต่างๆต้องเข้ามามุงเลยค่ะ เพราะมิ้วจะมาแนะนำเซทสกินแคร์ ที่มาจากธรรมชาติ แถมมีความออกแกนิคด้วย แบรนด์นี้มีชื่อว่า NEONNA นั่นเองค่ะ เซทนี้มา ทั้งโฟมล้างหน้า โทนเนอร์ และมาส์กลอกสิวเสี้ยนเลยค่ะ แถมเป็นแบรนด์คนไทยด้วย จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า



แบรนด์  นีออนน่า (NEONNA) เป็นแบรนด์สกินแคร์ของคนไทยค่ะ ซึ่งส่วนผสมหลักๆของแบรนด์ก็จะเห็นเด่นชัดเลยก็คือ ว่านหางจระเข้นั่นเองค่ะ ซึ่งว่านหางจระเข้ใครๆก็รู้ว่ามีสรรพคุณดีๆมากมาย ที่ดีต่อผิว หลังจากที่มิ้วได้ รีวิว มาส์กหน้าของ NEONNA ไปแล้วซึ่งมันดีมาก!!!

มิ้วก็เลยอยากลองเซทนี้ดูบ้าง เซทนี้เลยมาทั้ง

Neonna Nose Blackhead Remover Gel (Chacoal /Aloevera)
เจลลอกสิวเสี้ยน ที่มาทั้งสูตรชาโคล(สีดำ) และสูตรอโลเวร่า(สีขาว)


NeOnNa Acne Facial Foam
โฟมล้างหน้าลดสิว ที่ช่วยลดการอักเสบของสิว และผิวที่แพ้ง่าย


NeOnNa Facial Tonner
โทนเนอร์ที่ช่วยกระชับรูขุมขน และลดการอักเสบของสิว

แต่ละตัวจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า


Neonna Nose Blackhead Remover Gel



เป็นมาส์กแบบเจลที่ใช้ลอกสิวเสี้ยน และสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนใบหน้าช่วยให้ใบหน้า ดูเนียนขึ้น ละเอียดขึ้นนั่นเองค่ะ


มาในกระปุกทรงกลม สีสันสะดุดตา ขนาดกระทัดรัด ปริมาณ 22 กรัม มีด้วยกัน 2 สูตร ค่ะ 
สีดำ สูตร Charcoal
สีขาว สูตร Aloe vera



ตอนเปิดฝามาก็จะมีตัวกั้นเนื้อมาส์กเอาไว้ เนื้อมาส์กมีลักษณะเหนียวๆ กลิ่นหอมแต่รู้สึกได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์นิดๆค่ะ 


ตอนมิ้วใช้ก็จะทาไปบริเวณที่ มีสิวเสี้ยน เช่นตรงจมูก หน้าแก้ม ทาแบบบางๆพยายามเกลี่ยให้ทั่วๆความหนาเท่าๆกันค่ะ แต่ตอนทามิ้วรู้สึกว่ากลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนข้างแรงเลย มันจะระเหยเข้าตาแอบเคืองตานิดๆค่ะ แต่ผิวไม่แสบแต่อย่างใด



ทิ้งไว้จนกระทั่งเนื้อมาส์กรู้สึกตึงๆผิว อาจจะประมาณ 5 - 10 นาที ค่ะ



หลังจากนั้น ให้นำเอาแผ่นกระดาษที่อยู่ในซองสีชมพู ซึ่งเป็นกระดาษเหมือนที่เราเอาไว้ซับหน้ามันเลยค่ะ มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆสีขาวๆ ขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า


เอากระดาษมา 1 แผ่น มาแปะทับลงไปบนมาส์ก เพื่อที่เป็นตัวกลางในการลอกสิวเสี้ยนค่ะ โดยพยายามรีดให้แนบสนิทไปกับผิว เวลาลอกสิวเสี้ยนจะได้หลุดออกมาง่ายๆ




ซึ่งเวลาลอก มิ้วก็จะลอกแบบข้างล่างขึ้นข้างบนค่ะ หรือจากข้างจมูกไปอีกด้านนึงค่ะ จากนั้นก็ค่อยๆลอกออกมา


สิ่งที่ได้ออกมาก็จะเป็นสิวเสี้ยนเม็ดเล็ก เม็ดใหญ่บ้างสลับกันค่ะ แล้วแต่ว่าตอนทิ้งมาส์กไว้นั้นแห้งแค่ไหน แล้วเราแปะกระดาษไว้แนบกับผิวมากแค่ไหนนั่นเองค่ะ ช่วงแรกๆถ้ายังใช้ไม่ค่อยถนัด เราอาจจะใช้กระดาษเยอะ ก่อนได้ค่ะ เพราะเขาแถมมาให้เยอะมากเลย

หลังลอกสิวเสี้ยน มิ้วก็รู็สึกว่า ผิวไม่แห้ง ไม่แสบ ไม่คันแต่อย่างใดค่ะ(ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนนะคะ) หลังจากนั้นก็ไปล้างหน้าด้วยโฟมต่อได้เลย

มิ้วจะใช้อาทิตย์ละครั้งเพื่อไม่ให้ทำร้ายผิวมากจนเกินไปค่ะ


NeOnNa Acne Facial Foam



มาต่อกันที่โฟมล้างหน้าจร้า โดย NEONNA ก็มี โฟมล้างหน้าให้เราได้ใช้กันด้วย ซึ่งเป็นโฟมล้างหน้าผสมว่านหางจระเข้ ที่ช่วยปรับสมดุลให้ผิว และลดการอักเสบของผิวหนังรวมไปถึงคนที่เป็นสิวแพ้ง่ายต่างๆด้วย 



โดยหลอดก็มาแบบจุใจเลยทีเดียวค่ะ มาในปริมาณ 100 กรัม เลย สีสันก็สีความเป็นเซทเดียวกับตัวอื่นๆ 
ด้านหลังจะเป็นวิธีใช้ และส่วนผสมค่ะ



โฟมก็มีสีขาว เนื้อเนียนละเอียด กลิ่นออกนมๆ หอมสดชื่น ลองกับหลังมือแล้วใช้แค่นิดเดียวก็พอค่ะ ฟองละเอียด มากๆ หลังล้างก็จะเห็นว่าหลังมือ มีความละเอียดและนุ่มขึ้นทันทีค่ะ



มิ้วใช้ทุกวันตอนอาบน้ำเลยค่ะ บีบมาแค่นิดเดียว ประมาณเมล็ดถั่วแดงเม็ดใหญ่ๆก็พอแล้ว เอามาผสมน้ำแล้วถูให้เกิดฟอง จากนั้นก็วนๆ ออกให้ทั่วใบหน้า ถูเบาๆนะคะผิวหน้าจะได้ไม่ถูกทำร้ายมากเกินไปนั่นเองค่ะ จากนั้นก็ล้างออกให้สะอาด

ก่อนล้าง หน้าก็จะมันๆตามสภาพอากาศที่เราเจอค่ะ

หลังล้าง หน้าก็มีความนุ่มชุ่มชื้น เนียนละเอียดมากขึ้น ไม่เป็นขุย ไม่ลอก ไม่แสบแต่อย่างใดค่ะ (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วยนะคะ)

หลังจากนั้นก็ไปต่อที่ ตัวโทนเนอร์ได้เลยค่ะ


NeOnNa Facial Tonner



ขั้นตอนสุดท้ายของเซทนี้ก็คือ Neonna Facial Tonner ใครที่ยังไม่รู้ว่าโทนนเนอร์คืออะไร มิ้วก็ขออธิบายแบบคร่าวๆว่า โทนเนอร์นี้มีไว้ใช้เพื่อปรับสมดุลของผิวหลังจากที่เราทำความสะอาดผิวมาแล้วค่ะ จะช่วยให้ผิวปรับสมดุล และทำความสะอาดล้ำลึกมากขึ้น พร้อมรับการบำรุงได้มากขึ้นนั่นเอง 

โดย Neonna Facial Tonner นี้ก็มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ ด้วย นอกจากจะช่วยกระชับรูขุมขนแล้ว ก็ยังช่วยลดการอักเสบของผิวหนังอีกด้วยค่ะ


ตัวขวดจะมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาก เป็นฝาแบบหมุน มาในปริมาณ 45 กรัม ลักษณะเนื้อจะเป็นน้ำสีชมพูใสๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ


มิ้วจะใช้ก่อนที่เราจะทาครีมทั้งหมดค่ะ ก็จะหยด โทนเนอร์ ลงบนสำลี ให้ชุ่มค่ะ แล้วก็เช็ดแบบตามรูขุมขน รูขุมขนก็จะกระชับมากยิ่งขึ้น 


หลังเช็ดแล้วก็รู้สึกว่าหน้าดูสดชื่นขึ้น รู้สึกใบหน้าสะอาดมากขึ้น พร้อมรับการทาครีมบำรุงต่อได้เลยค่ะ


โดยสรุปแล้วหลังจากที่มิ้วได้ลองใช้ เซทของ Neonna มาทั้งหมด มิ้วรู้สึกชอบทุกตัวที่ใช้เลยค่ะ โดยเฉพาะโฟมล้างหน้า ใช้เนื้อโฟมนิดเดียวก็ทั่วทั้งหน้าแล้วค่ะ  แถมหน้านุ่มอีดต่างหาก แต่จะมีมาส์กที่เป็นแบบเจล มิ้วอาจจะยังใช้ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ สิ้วเสี้ยนอาจจะลอกออกหมดบ้าง ไม่หมดบ้าง และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ มิ้วไม่มีอาการแพ้ใดๆค่ะ แถมสิวก็ไม่ค่อยขึ้นมาอีกหลังจากใช้เซทนี้ด้วย 

แต่ผลที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนนนะคะอย่างที่บอก 

คำแนะนำของมิ้วก็คือ มิ้วว่าเซทนี้เหมาะมากๆสำหรับคนที่เป็นสิว และผิวแพ้ง่าย หน้ามีการอักเสบง่าย ตัวนี้จะช่วยปลอบประโลมผิวได้เป็นอย่างดีค่ะ 

ส่วนใครที่สนใจ อยากลองเซทนี้ก็เข้าไปดูกันได้เลยนะคะที่


วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รีวิว(พลีชีพ) เลเซอร์รักแร้ ครั้งแรก!! ที่ ธีระธรฌ์คลินิก | MG-Review



เลเซอร์รักแร้ ครั้งแรก!! ที่ ธีระธรฌ์คลินิก



สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้จะบอกว่าแอบเขินนิดๆที่จะต้องโชว์รักแร้ให้ทุกคนดู ฮ่าๆ แต่ก็เอาเถอะค่ะ ไหนๆก็ไหนๆละ มิ้วก็อยากจะแชร์ประสบการ การเลเซอร์รักแร้ของมิ้วครั้งแรกให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ เอาไว้ไปประกอบการตัดสินใจในการทำ ก็แล้วกันนะคะ เรื่องของเรื่องก็คือ มิ้วไม่เคยทำเลเซอร์มาก่อนเลยไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตาม ไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกอย่างไรบ้าง แอบตื่นเต้นนิดๆแหละ มิ้วจะทำออกมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า




มิ้วได้มีโอกาสไปทำเลเซอร์ รักแร้ที่ ธีระธรฌ์คลินิกค่ะ การเดินทางก็ง่ายและสะดวกมาก คลินิกจะอยู่แถว MRT ห้วยขวาง ค่ะ ออกมาทางออกที่ 4  พอขึ้นบนนไดเลื่อนมาเดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว สังเกตุป้ายสีชมพูขาวเห็นสะดุดตาค่ะ



Theerathorn Clinic (ธีระธรฌ์คลินิก) เป็นคลินิกที่ทำในเรื่องของ การศัลยกรรมความงาม ดูแลเรื่องผิวพรรณ ต่างๆ โดยมี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามมากกว่า 10 ปี ที่คอยให้คำปรึกษาด้านความงามนั่นเองค่ะ




พอเข้ามาข้างในคลินิกบรรยากาศดี ตกแต่งสวยงาม สถานที่สะอาดมาก มีโซฟา มีน้ำ รับรองไว้อย่างดีค่ะ  ข้อปฏิบัติของที่นี่ก็คือให้คนที่เข้ามาเปลี่ยนรองเท้าทุกคนค่ะ โดยจะมีตู้ใส่รองเท้าไว้ที่ด้านนอก เพื่อความสะอาดของสถานที่นั่นเอง



น้องๆพนักงานก็ต้อนรับเป็นอย่างดีค่ะ โดยพอมิ้วมาถึง น้องๆก็จะถามว่าเคยมาทำที่นี่หรือไม่ ถ้าเรายังไม่เคยทำ เขาก็จะให้เราเขียนชื่อ เหมือนบันทึกชื่อเราเอาไว้ที่นี่ค่ะ


มิ้วรอสักพัก ก็สามารถทำได้เลยค่ะ โดยสถานที่ทำจะอยู่ชั้น 2 เข้าไปที่ห้องเลเซอร์ได้เลย



ขั้นตอนการเลเซอร์เท่าที่มิ้วเข้าใจคร่าวๆนะคะก็จะเริ่มจาก

การทำความสะอาดรักแร้เราก่อน เพราะเราอาจจะฉีดน้ำหอม หรือ สเปรย์ระงับกลิ่นกายมา ก็ต้องทำความสะอาดก่อนค่ะเพื่อจะได้เลเซอร์ได้ง่ายขึ้น

ต่อมาถ้าเรามีขนรักแร้ก็จะมีการโกนขนออกก่อนค่ะเพื่อความสะดวกในการเลเซอร์

จากนั้นก็ทาเจลใสๆ (ตอนทาก็จะรูสึกเย็นๆค่ะ) คิดว่าก็ต้องทาเพื่อเป็นสื่อกลางในการส่งผ่านของคลื่นเลเซอร์นั่นเองค่ะ



ต่อมาก็เริ่มทำการเลเซอร์ได้เลยค่ะ โดยการทำทีละข้าง มิ้วเริ่มจากข้างขวาก่อน จะมีเสียงและแสงเลเซอร์ออกมาเป็นระยะๆค่ะ






ส่วนความรู้สึกตอนเลเซอร์นั้น อันนี้สำหรับในความคิดเห็นส่วนตัวของมิ้วนะคะ มันเหมือนเราถูกถอนขนหลายเส้นพร้อมๆกัน ไม่ถึงขนาดกับเจ็บนะคะ แต่ก็อย่างว่าแหละการทนความเจ็บของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ยิ่งแต่ก่อน มิ้วเป็นขนชอบถอนขนรักแร้เองอ่ะค่ะ มันเลยเจ็บจนชินมั้ง ฮ่าๆ


ความรู้สึกมันอาจจะเย็นๆปนชาๆในเวลาเดียวกันค่ะ ทำข้างละประมาณไม่น่าจะเกิน 5 นาทีนะคะเท่าที่มิ้วรู้สึก ต่อไปก็อีกข้างนึง กระบวนการเหมือนเดิมเลยค่ะ รวมเวลาทั้งหมดที่ทำแล้ว ก็ประมาณไม่เกิน 20 นาที ค่ะ จากนั้นเราก็สามารถใช้ชีวิตต่อได้เลย แต่มิ้วยังไม่ได้ทำอะไรกับรักแร้นะคะ หลังเลเซอร์เสร็จทันทีก็ปล่อยไว้แล้วไปใช้ชีวิตต่อค่ะ



ก่อนทำ
มิ้วมีตุ่มหนังไก่ค่อนข้างเยอะเพราะเมื่อก่อนชอบถอนขนรักแร้เป็นว่าเล่น ฮ่าๆ มีรอยคล้ำบ้างค่ะ แถมขนรักแร้ชอบขึ้นไวอีกต่างหาก

หลังทำครั้งที่ 1 ทันที
จากรูป มิ้วรู้สึกว่ารักแร้ดูเนียนขึ้น มีรอยแดงจาการเลเซอร์นิดๆค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวมันก็หายไปค่ะ



หลังจากทำครั้งที่ 2 (ผ่านไป 2 อาทิตย์หลังจากทำครั้งแรก)
จากความรู้สึกที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำมาจนมาถึงครั้งที่ 2 นั้น ขนรักแร้ขึ้นช้าลงกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ ปกติอาทิตย์เดียวขนรักแร้มิ้วก็ขึ้นเส้นยาวแล้ว แต่พอไปเลเซอร์ครั้งที่สอง มิ้วไม่ได้กำจัดขนก่อนเลย ลืมไปเลยด้วยซ้ำ เพราะขนมันขึ้นช้าจริงๆค่ะ ส่วนตุ่มหนังไก่ก็เริ่มลดลงบ้างเล็กน้อยค่ะ



หลังจากทำครั้งที่ 3 (ผ่านไป 1 อาทิตย์)
จากรูปจะเห็นว่า ตุ่มหนังไก่ เริ่มลดและจางลงเรื่อยๆค่ะ ทำให้โดยรวมแล้ว รักแร้มีความเนียนกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ แถมขนขึ้นช้าลงอีกต่างหาก  รอยดำก็ดูลดลงค่ะ




โดยสรุป ผลจากการเลเซอร์ รักแร้ มา 3 ครั้ง ผลที่เห็นได้ชัดเลยก็คือขนรักแร้ขึ้นช้าลงมากค่ะ แถมน้องพนักงานที่ทำให้เขาก็บอกว่า ถ้าขนมันจะขึ้น ก็จะขึ้นแบบเส้นเล็กและบางลงค่ะ แถมตุ่มหนังไก่ก็ดูลดลงกว่าเมื่อก่อน รวมไปถึงรอยดำด้วยเช่นกัน


การดูแลรักษาหลังเลเซอร์รักแร้
น้องพนักงานเขาแนะนำว่า ให้ทาด้วยยาสีฟัน ตอนอาบน้ำให้โบกทิ้งไว้ สัก 5 นาที จะช่วยให้รักแร้ดูขาวขึ้น และบรรเทาอาการหลังเราเลเซอร์ได้ค่ะ

แล้วก็จะสครับ รักแร้ อาทิตย์ละครั้ง ด้วย สครับที่มีเม็ดละเอียด ถูเบาๆนะคะไม่ต้องขัดแรง จริงๆเราก็ขัดไปพร้อมกับที่เราขัดตัวได้เลยค่ะ ขัดอาทิตย์ละครั้งผิวจะได้ไม่ถูกทำร้ายมากเกินไปนั่นเอง

หลังจากอาบน้ำเสร็จในตอนกลางคืน มิ้วก็จะทารักแร้ด้วยเจลบำรุงค่ะ เช่นเจลว่านหาง หรือเจลวิตามินซี ที่มีขายตามเซเว่นเลย ซองละ 49 บาท ช่วยบำรุงรักแร้ของเราให้ขาวเนียนขึ้นได้ค่ะ แต่มิ้วจะไม่ทาตอนกลางวันเพราะมันจะเหนียวเหนอะหนะไป เพราะเราต้องใช้ชีวิตที่ๆอากาศร้อน มิ้วเลยใช้ทาแค่ก่อนอนแทนค่ะ


เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับรีวิว เลเซอร์รักแร้ที่มิ้วเอามาแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้ หวังว่าจะชอบนะคะ ยังไงก็เอาไปเป็นตัวเลือกอีกหนึ่งทางในการ กำจัดขนรักแร้ก็แล้วกันค่ะ



นอกจากจะมีการเลเซอร์ขนรักแร้แล้ว ก็ยังมีการทำโปรแกรมอื่นๆอีกมากมาย ให้ทุกคน สวยหล่อกันได้อย่างเต็มที่ ยังไงก็ลองไป ศึกษาหรือปรึกษาที่คลินิกกันได้เลยนะคะ

ส่วนใครที่อยากสอบถามรายละเอียด ราคา โปรโมชั่น หรืออื่นๆก็ลองเข้าไปดูกันได้เลยที่
http://www.theerathornclinic.com
Facebook: ธีระธรฌ์คลินิกSkinCare โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ ร้อยไหม