วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Skin care และ Makeup Base จาก แบรนด์ Nami ซองไหนเหมาะกับใคร??? | MG-Review

NAMI

Skin care & Makeup Base


รีวิวนี้เอาใจคนงบน้อย นักเรียน นักศึกษา หรือใครก็ตามที่ตามหาครีมซองในเซเว่นกันอยู่ วันนี้มิ้วเลยยก งานผิว ทั้งสกินแคร์ และเมคอัพเบสต่างๆ จากแบรนด์ Nami มารีวิวให้ทุกคนได้ฟังแบบจัดเต็มกันไปเลยจร้า จะมีอะไร ตัวไหนเหมาะกับใครบ้างนั้น ไปชมกันเลย


เริ่มกันที่ฝั่ง Skin care กันก่อน มีรายนามดังต่อไปนี้

1. NAMI I'M FRESH JEJU VITAMIN C BRIGHTEN GEL


เป็นเจลวิตามินซีเข้มข้น ร่วมด้วยสารสกัดส้มจากเกาะเจจูที่อุดมไปด้วยวิตามินซี และแร่ธาตุต่างๆที่มีประโยชน์ต่อผิว อีกทั้งยังมี กูต้าไธโอนและวิตามินบี 3 เข้มข้นอีกด้วย

-ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน
-ลดรอยสิวและจุดด่างดำ
-ผิวดูกระจ่างใส
-ลดริ้วรอย และรอยคล้ำใต้ตา
-ผิวนุ่มดูฉ่ำน้ำ
-ผิวดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

มาในปริมาณ 30 กรัม ราคา 49 บาท


เนื้อเจลมีสีส้ม มีเกล็ดสีส้มเล็กๆผสมอยู่ด้วย กลิ่นส้มหอมชื่นใจ เกลี่ยง่ายซึมไวแห้งสบายผิวค่ะ
โดยเราสามารถทาได้ทั้งตัวเลยไม่ว่าจะเป็น

ทาที่ใบหน้า ตัว ข้อพับ ข้อศอก ขาหนีบ รักแร้ เพื่อความกระจ่างใส

หรือสามารถเอาไปแช่ในตู้เย็นแล้วมาพอกให้ทั่วหน้าเพื่อความเย็นสดชื่น เมื่อต้องการ การบำรุงอย่างล้ำลึกก็ได้ค่ะ


2. NAMI I'M FRESH LEMON HONEY WHITENING SERUM


เป็นเซรั่มเลม่อนผสมน้ำผึ้งสกัดสูตรเข้มข้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำออกอย่างอ่อนโยน

-ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
-ลดจุดจ่างดำ รอยสิว
-ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น

มาในปริมาณ 7 กรัม



โดยเนื้อเซรั่มสีเหลืองอ่อนๆ เนื้อใส ค่อนข้างเหลว แอบมีกลิ่นน้ำผึ้งนิดๆ เกลี่ยง่าย ซึมไว ผิวไม่แห้งจร้า

เราสามารถทาแบบปกติได้ทั้งเช้า และเย็น
แต้มสิวเฉพาะจุดได้

นอกจากนี้ก็ยังเอามาสมกับอย่างอื่นเพื่อพอกหน้าได้ เช่น
ผสมกับโยเกิร์ตช่วยให้หน้าดูกระจา่งใส 
ผสมกับ แป้งพอกหน้า เพื่อลดสิว เช่น ผงพิเศษ ผงขมิ้น เป็นต้น
ผสมกับเจลาตินหรือไข่ขาวเพื่อลอกสิวเสี้ยน


3.NAMI I'M FRESH TAMARIND WHITENING SCRUB MASK


เป็นทั้งสครับ และมาส์กบำรุงผิว ด้วยสารสกัดจากมะขามที่อุดมไปด้วย AHA และวิตามินต่างๆจากธรรมชาติ

-ช่วยขจัดสิ่งสกปรกพร้อมกับผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน 
-ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน
-สีผิวดูสม่ำเสมอ
-จุดจ่างดำดูลดลง

ปริมาณ 30 กรัม ราคา 49 บาท


เนื้อสครับมีสีส้มอ่อนๆ เนื้อเข้มข้น มีเม็ดสครับเล็กๆช่วยในการขัดผิว มีกลิ่นมะขามหอมสดชื่นค่ะ

ก่อนใช้ต้องให้ส่วนที่เราต้องการจะสัรบนั้นเปียกก่อนนะคะ
โดยเราสามารถ พอกทิ้งไว้ให้ทั่วใบหน้า 10 - 15 นาที แล้วก่อนล้างก็ถูๆวนๆให้ทั่วใบหน้าอย่างเบามือ เพื่อสครับเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป 

นอกจากนี้ก็ยังสครับที่ หลัง ข้อศอก หัวเข่า รักแร้ ขาหนีบ เพื่อความกระจ่างใส

สครับปากเพื่อความนุ่มชุ่มชื่น หรือสรับเฉพาะ จมูกเพื่อลดสิวเสี้ยนได้ด้วยค่ะ

โดยความรู้สึกหลังสครับ มิ้วจะบอกว่าพอล้างออกแล้วซับให้แห้ง ผิวตรงที่เราสครับนั้นมีความนุ่มขึ้นมากๆค่ะ รู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลย


4. NAMI I'M FRESH MANGOSTEEN ACNE GEL


เจลแต้มสิวมังคุด ที่มีเปลือกมังคุดสกัดเข้มข้น มีแทนนิน และสารแอนตี้ออกซิแดนท์

-ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า
-ช่วยปลอบประโลมสิวอักเสบ
-ลดสิวอุดตัน รอยสิว และหลุมสิว
-ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

ปริมาณ 7 กรัม


ลักษณะเจลมีสีม่วงอ่อนๆ มีความขุ่น และมีเม็ดสีม่วงเล็กๆอยู่ด้วย เมื่อเกลี่ยแล้วเม็ดเล็กๆนั้นก็จะละลายไปกับผิวของเรา มีกลิ่นมังคุดนิดๆค่ะ แถมเนื้อเจลก็มีความยืดนิดๆด้วยแต่พอทาลงผิวแล้วก็มีความซึมไวไปกับผิวดลยจร้า

โดยเราสามารถทาได้ทุกวัน เพื่อความคุมความมัน กระชับรูขุมขน และลดการเกิดสิวใหม่
นำมาพอกหน้า 10 นาที เพื่อลดสิวอุดตัน (ใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะได้ไม่เปลืองค่ะ)
นำมาแต้มเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวเพื่อลดความอักเสบได้
นำมาทาที่หลังเพื่อลดสิวที่หลังก็ได้ค่ะ


5.NAMI I'M FRESH ALOE - LEMON BRIGHTENING GEL


เจลว่านหางจระเข้สกัดเย็นเข้มข้น 99.5% ร่วมด้วยสารสกัดเลม่นเข้มข้น วิตามินบี3 อัลฟ่า อาร์บูติน
ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน
ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
ปลอบประโลมผิวที่ถูกแดดทำร้าย
ลดรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็นจากสิว
ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวกระจ่างใส
ความคุมความมัน
รูขุมขนกระชับ
ผิวเรียบ เนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ

มาในปริมาณ 30 กรัม


เนื้อเจลมีสีเขียวอ่อนๆ กลิ่นหอมสดชื่น เป็นกลิ่นของว่านหางจระเข้ผสมกับเลม่อน หลังทาไปก็รู้สึกเย็นๆที่ผิว เนื้อเกลี่ยง่าย ซึมไวมาก ไม่เหนียวเหนอะหนะเลยค่ะ

สรุปแล้วเหมาะกับใครบ้าง???
ต้องดูว่าเรามีปัญหาด้านไหนค่ะ เช่น
คนที่เป็นสิว เหมาะกับ 2, 3, 4, 5
คนที่มีใบหน้าหมองคล้ำ สามารถ ใช้ได้ทุกซอง
คนที่ออกแดดจัด ต้องตากแดดบ่อยๆ  เหมาะกับ 1, 5

แถมราคาก็ไม่เกิน 50 บาทด้วย นักเรียน นักศึกษา หรือคนที่มีงบน้อยยังไม่มีเงินซื้อสกินแคร์แบรนด์แพงๆ คนที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้า ก็สามารถใช้ได้ทุกคนเลย คนผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ด้วยเพราะ ครีมทุกซองไม่มีแอลกอฮอล์ พาราเบน หรือซิลิโคนที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ค่ะ


มาดูในส่วนของ Makeup Base กันบ้างค่ะ 


NAMI ก็มีมาด้วยกันทั้งหมด 4 ซอง ระดับความปกปิด และคุณสมบัติก็จะแตกต่างกันไป 
มาในปริมาณ 7 กรัม ราคา 49 บาท
มีรายนามดังต่อไปนี้


1. Nami Make Up Pro AA Aura Primer Base
SPF 25 PA++


เป็นเบสรองพื้น ที่ผสมไพรเมอร์และเป็นเมคอัพเบสในตัว มีวิตามินซี และกลูต้าไธโอน
-ช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใส 
-อำพรางรอยแดงรอยดำ 
-ช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง 
-ป้องกันรังสี UVA UVB



เนื้อครีมออะจะเป็นสีชมพูอ่อน พอเกลี่ยลงบนผิว ก็จะมีการแตกตัวเป็นน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ละมุนมากๆ


มิ้วจะใช้หลังจากทาสกินแคร์เสร็จ แต้มไปที่ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง สันจมูก และคาง จากนั้นก็วนๆ ให้เนื้อครีมแตกตัว แล้วก็กดๆ ให้เนื้อครีมซึมเข้าไป 

หลังทาเสร็จใบหน้าดูกระจ่างใสขึ้นมานิดนึงค่ะไม่ทำให้หน้าวอก หรือลอยมากนัก อารมณ์แบบปรับให้สีหน้าดูสม่ำเสมอกันมากขึ้น พร้อมรับการแต่งหน้าต่อไปได้เลย


2. Nami Make Up Pro BB Wet to Powder
SPF 35 PA++


เนื้อครีมจะเปลี่ยนเป็นแป้งแล้วแห้งแมทไปกับผิว พร้อมความปกปิด แต่ยังคงความชุ่มชิ้น คุมมัน กันน้ำ กันเหงื่อ


ลักษณะเนื้อครีมมีค่อนข้างเหลว สีเนื้อ ไปในโทนเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ 


ตอนทามิ้วก็แต้ม 5 จุดแล้ว เกลี่ยแบบ กดๆ วนๆ ให้ทั่วใบหน้า ค่อนข้างเกลี่ยง่ายเลยค่ะ หลังทามิ้วรู้สึกว่า หน้าดูกระจ่างใสขึ้น ดูเนียนไปกับผิวแต่อาจจะสว่างขึ้นมานิดหน่อย มีความปกปิดปานกลาง ดูแมท ไม่เป็นขุย  ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่เป็นคราบค่ะ


3. Nami Makeup Pro CC Ready Cushion
SPF 35 PA++


เนื้อครีมสูตรพิเศษที่ช่วยปรับสีผิวให้เรียนเนียนผิวดูมีออร่าทันทีที่ทา มีวิตามินซี และกลูต้าไธโอน ช่วยคุมความมัน กันน้ำ กันเหงื่อปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ อำพรางรอยดำรอยแดง กันแดด ทำให้หน้าดูฉ่ำวาว สไตล์เกาหลี


เนื้อครีมมีความข้นหนืดกว่าตัว BB กลิ่นคล้ายๆกัน และสีดูมีความสว่างกว่า 


เวลามิ้วทามิ้วจะแต้มไปที่ 5 จุดเช่นเคย แต่มิ้วจะใช้ไม่เกลี่ยวนๆ แต่ใช้นิ้วกดๆให้ทั่วใบหน้าแทน เพราะรู้สึกว่าถ้าใช้นิ้ววนๆ มันอาจจะเป็นคราบได้ค่ะ แต่ก็ยังถือว่าเกลี่ยง่ายอยู่ ความปกปิดปานกลาง แต่ดูแล้วปกปิดมากกว่า BB นิดหน่อย อำพรางรอยดำรอยแดงได้ดีเลย แต่ใต้ตามิ้วจะทา 2 รอบ หลังทาเสร็จใบหน้าดูมีความฉ่ำวาวแต่ไม่มันเยิ้มค่ะ 


4. NAmi Make Up Pro White Peach DD Cream


เป็นครีมที่บำรุงพร้อมกันแดดไปในตัว มีสารสกัดพีชจากเกาหลีเข้มข้น 50 เท่า กลูต้า ไธโอน อัลฟ่าอาร์บูติน และวิตามินบี 3 เข้มข้น
-บำรุงให้ผิวดูกระจ่างใสอมชมพู
-เบลอรูขุมขน
-ควบคุมความมันระหว่างวัน
-กันเหงื่อ
-กันแดด


เนื้อครีมมีสีชมพู มีความข้นกว่าตัว AA กลิ่นหอมพีชมากๆ เวลาเกลี่ยลงบนผิว จะมีน้ำแตกตัวออกมา ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นเย็นสบายมากค่ะ


เวลาทามิ้วจะแต้ม 5 จุดเช่นเคย แล้วก็เกลี่ยแบบ วนๆ สลับกับ ใช้ปลายนิ้วตบเบาๆให้เนื้อครีมซึมเข้าผิว 
หลังทาผิวดูนุ่ม ชุ่มชื้น เย็นสบายผิว (ตอนเกลี่ยจะมีน้ำออกมาจากเนื้อครีมด้วย) หน้าดูกระจ่างใสขึ้นมานิดนึง แต่ด้วยความที่เนื้อครีมเป็นโทนชมพูหน้าเลยอาจจะดูขาวมากวก่าปกติค่ะ

เปรียบเทียบเนื้อครีมทั้งหมด


จะเห็นว่า ตัว AA และ DD เป็นสีโทนชมพู ส่วน BB กับ CC จะเป็นโทนเหลือง 


เมื่อเกลี่ยดูแล้วจะพบว่า สำหรับคนผิวโทนเหลืองอย่างมิ้ว ถ้าทาด้วย AA หรือ DD จะให้ผิวดูขาวโดดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด (ถ้าทาแค่ AA หรือ DD เพียงอย่างเดียว อาจจะทำให้หน้าลอย หรือเทาได้นั่นเอง)



ทดสอบความกันน้ำ


พบว่าตัว ฺBB มีความกันน้ำได้จริงค่ะ CC ทั้งผ่านน้ำและเอานิ้วถูๆ ก็ยังคงอยู่ๆ
ส่วน AA และ DD ก็กันได้แค่ช่วงแรกๆ แล้วพอเอานิ้วถูๆก็ค่อยๆหลุดไปทีละนิดค่ะ
ส่วนตัวเลขด้านบนก็คือความปกปิดที่เรียงจากมาก(1) ไปน้อย(4) นั่นเอง

สรุปแล้วเหมาะกับใครบ้าง???
ทุกซองนั้นเหมาะกับคนที่มีงบน้อย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษามากๆค่ะ รวมไปถึงคนที่เพิ่งเริ่มหัดแต่งหน้าด้วย เพราะมาในราคาไม่แพง แถมหาซื้อได้ง่ายในเซเว่นด้วย

-คนที่มีผิวหน้าสุขภาพดีอยู่แล้ว ก็อาจจะใช้ AA แล้วต่อด้วย BB หรือ CC จากนั้นก็แค่ทาแป้งก็ได้ค่ะ
-ส่วนคนที่มีปัญหาผิว เช่น รอยคล้ำใต้ตา ก็ต้องใช้คอลซิลเลอร์ปกปิดอีกรอบนึงค่ะ
-สีของ BB CC เหมาะกับคนที่มีสีผิวโทนกลางๆ คนผิวสีแทน ไปถึงเข้ม อาจจะทำให้หน้าเทาหน้าลอยได้
-ใครที่อยากให้หน้าดูฉ่ำ(หรือเป็นคนที่มีผิวแห้ง) ก็เลือกเป็น CC แต่ถ้าอยากหน้าแมท ก็เลือกเป็น BB (หรือคนที่มีผิวมัน) แทนค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าจะถูกใจ คนงบน้อยที่อยากสวยทั้งหลายเด้อ จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นที่จะต้องหาของแพงมาบำรุงหน้าเราก็ได้ค่ะ เพียงแต่เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว และสีผิวของเรา ก็เพียงพอแล้ว 

ใครที่อยากลอง ครีมซองจากแบรนด์ NAMI ก็ไปซื้อหากันได้ที่เซเว่นทุกสาขาทั่วประเทศจร้า
หรือทางออนไลน์ได้ที่ https://www.facebook.com/namiwink/


วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย ความภูมิใจจากล้านน้า Kay Exotic Lanna Beauty | MG-Review

 Kay 

Exotic Lanna Beauty


ปัจจุบันเครื่องสำอางแบรนด์ไทย เริ่มมีให้เห็นมากมายตามท้องตลาด แต่ละแบรนด์ก็คัดสรรค์สิ่งพิเศษต่างๆมาให้ผู้ใช้อย่างเราได้ทดลองใช้กันอย่างมากมาย แต่จะมีสักกี่แบรนด์กันที่เอา ถั่งเช่า สมุนไพรอันล้ำค่ามาใส่ในเครื่องสำอาง แบรนด์ เคย์ เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ยิ่งถ้าเราได้รู้ความเป็นมาของแบรนด์แล้วจะยิ่งอินกับเครื่องสำอางเหล่านี้มากขึ้น เหมือนที่่มิ้วกำลังอินอยู่ตอนนี้ค่ะ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า



มิ้วเป็น blogger อีกหนึ่งคนที่ได้มีโอกาสได้เข้าร่วม Work shop กับทางแบรนด์ เคย์ ซึ่งพี่เก๋ เจ้าของแบรนด์ก็มาพบเจอเราด้วยตัวเองค่ะ พี่เก๋เล่าถึงชีวิตของตัวเองที่ต่อสู้กับโรคร้ายต่างหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง ต้องตัดมดลูกทิ้งไม่สามารถมีลูกได้ เส้นเสียงเป็นอัมพาต แต่ด้วยกำลังแรงใจที่มีทำให้พี่เก๋ ฮึดสู้และสามารถเอาชนะโรคร้ายด้วยตัวเอง จนหายเป็นปกติได้

นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดแบรนด์ เคย์ขึ้นมา เพราะเครื่องสำอางของแบรนด์นี้มาจากธรรชาติ ทุกสภาพผิวสามารถใช้ได้ แม้กระทั้งคนผิวแพ้ง่ายก็ตาม เป็นอีกแบรนด์ที่เป็นออแกนิค และรักษ์โลกมากๆเลยค่ะ


Blogger ที่เข้าร่วม workshop กับทางแบรนด์ เคย์ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนคร้าบบรรยากาศเป็นกันเองสุดๆเลย


ถ่ายกับพี่ๆ Blogger ที่ชื่นชอบเสียหน่อย


ถ่ายกับพี่เก๋เจ้าของแบรนด์ เพิ่งรู้ว่า พี่เขาก็จบ ธรรมศศาสตร์เหมือนมิ้วด้วย บังเอิญจริงๆ ค่ะ


ผลิตภัณฑ์ที่มิ้วได้มาลองใช้ก็จะเป็นแป้งฝุ่น โปร่งแสง กับลิปแมทจิ้มจุ่มค่ะ


แค่ดูแพคเกจจิ้งก็สื่อถึงความเป็นไทยมากๆแล้วค่ะ


เดี๋ยวเราไปดูรีวิวกันดีกว่าค่ะว่ามิ้วใช้แล้วจะเป็นอย่างไร

Cordyceps Light Setting Translucent Powder


เริ่มกันที่แป้ง โปร่งแสง ที่มีชื่อว่า Cordyceps Light Setting Translucent Powder มีส่วนผสมของ 
สารอินทีรย์จากแป้งข้าวบาร์เลย์ 
สารสกัดจากผงเห็ดถั่งเช่าสีทอง
ว่านหางจระเข้ 
มีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากมลภาวะ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งแบคทีเรีย ควบคุมความมันไม่อุดตัน แล้วก็ยังป้องกันรังสี UVA และ UVB อีกด้วย แถมยังไม่มีพาราเบนที่เป็นสารก่อมะเร็งด้วยค่ะ

ราคาเต็ม 1,250 บาท (ราคาอาจะเปลี่ยนไปตามโปรโมชั่นค่ะ)

มีอยู่ 2 สูตรให้เลือกด้วยกัน ก็คือ
กล่องสีทอง เป็นสูตรเพื่อผิวแพ้ง่าย ไม่มีแร่ทัลลัม และน้ำหอม
กล่องสีดำ เป็นสูตรเพื่อผิวธรรมดา


ลักษณะกล่องมีความสวยงามบ่งบอกความเป็นไทย วาดโดยอาจารย์พิสิษฐ์ ไชยล้อม หนึ่งในศิลปินแห่งขัวศิลปะเชียงราย รวมไปถึงโลโก้ ต่างๆบนหน้ากล่องด้วยค่ะ

โลโก้แบรนด์ เป็นตัว K ที่มีขนนก สื่อถึงการโบยบินเพื่อสร้างสันติภาพ และแรงบันดาลใจให้คนอื่นต่อไปค่ะ

ดอกสีเหลืองๆบนหน้ากล่องนั่นก็คือ ดอกสุพรรณิการ์ หมายถึง การมองโลกในแง่ดี มีความสุข มีพลังงาน ความสดชื่น บริสุธิ์ กระตือรืร้น อบอ่น แต่ชัดเจน

และผู้หญิงที่เห็นบนหน้ากล่องนั่นก็คือ แม่หญิงสุพรรณิการ์ ที่สื่อถึงผู้หญิงที่มีความดีทั้งกายและใจ แต่ก็ยังมีความมุ่งมั่น และมั่นใจในตัวเองค่ะ




ตัวตลับแป้งมาในขนาดเล็กกระทัดรัด ปริมาณ 15 กรัม ทำให้พกพาไปเที่ยวได้สะดวก พัฟมีความนุ่มสบายผิว เนื้อแป้งมีความละเอียดมากๆค่ะ




มิ้วจะใช้ในวันที่ มิ้วลงรองพื้นลงบนใบหน้า เพื่อเป็นการเซทรองพื้น ซับความมันบนใบหน้า ไม่ให้หน้าดูหนาจนเกินไป 

เนื้อแป้งมีความเนียนละเอียด สีเนื้ออ่อนๆ แทบจะไม่มีกลิ่นเลยค่ะ


หลังจากลงบนหลังมือแล้วก็พบว่า หลังมือข้างที่ลงนั้นมีความสว่างขึ้นมานิดนึง แต่ผิวดูไม่แห้งค่ะ

โดยเราสามารถใช้ได้ทั้งพัฟและแปรงค่ะ ก็คือเมื่อเราต้องการเซทรองพื้น มิ้วก็จะเทแป้งลงบนฝ่ามือ หรือฝาของแป้งก็ได้ แล้วใช้พัฟกดไปที่แป้ง แล้วมากดซับให้ทั่วใบหน้าไปตาม จมูก แก้ม หน้าผาก แล้วเกลี่ยให้ทั่วด้วยแปรงใหญ่ๆให้ทั่วใบหน้า วิธีนี้จะช่วยให้หน้าเราไม่ดูแห้งจนเกินไป เพราะแป้งจะเกาะอยู่บนหน้าเราในปริมาณที่พอดีค่ะ  

หรือจริงๆเราก็ใช้พัฟกดซับให้ทั่วใบหน้าได้ตามปกติเลยค่ะ


หลังลงแป้งเสร็จ หน้าก็ดูแมทเลยค่ะ แต่ไม่ได้ดูแห้ง กลิ่นแป้งก็ไม่ฉุน แถมแป้งไม่ไปเน้นรูขุมขนให้ดูกว้างขึ้นด้วยค่ะ  



Toothsome Cordyceps Matte Lipstick



ต่อมาเป็น Toothsome Cordyceps Matte Lipstick ลิปสติกที่ไม่ทำให้ปากแห้ง เพราะมันไม่มีส่วนผสมของน้ำนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ 
ไขมันธรรมชาติที่ได้จากมะม่วง ช่วยทำให้ริมฝีปากชุ่มชื่น 
สารสกัดจากถั่งเช่าสีทอง ช่วยเสริมสุขภาพ
ใช้สีที่มีความปลอดภัย เป็นเกรดอาหาร ปราศจากสารก่อมะเร็ง
ไม่มีพาราเบน ไม่มีทัลลัม 
มีกลิ่นหอมผลไม้ช่วยบำรุงสุขภาพ
เนื้อลิปมีความบางเบา นุ่มลื่นติดทน แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ

ด้วยส่วนผสมของลิปและสีที่ใช้จึงทำให้ลิปตัวนี้กินได้ หมายถึง  ตอนที่เราทาลิปตัวนี้แล้วไปกินน้ำ กินข้าวก็จะไม่มีสารอันตรายเข้าสู่ร่างกายของเรานั่นเองจร้า

ราคาเต็ม 950 บาท (ราคาอาจะเปลี่ยนไปตามโปรโมชั่นค่ะ)


ตัวกล่องก็มีความคล้ายกับกล่องแป้งเลยค่ะ มาแบบสวยหรูดูแพง และสื่อถึงความเป็นไทยมากๆ


ตัวลิปก็มีความสวยงามมากๆ มองผ่านๆคล้ายๆแบรนด์ไฮเอนราคาเป็นพันๆเลยค่ะ มีความสวยหรู ด้วยการไล่สีจากสีดำไปเป็นสีใส จากบนลงล่าง และด้านล่างเห็นสีของลิปได้ชัดเจน ตัวแปรงเป็นแบบกำมะหยี่ มีความนุ่ม แต่สามารถทาไปที่ริมฝีปากได้อย่างง่ายดาย 


เมื่อทาลงไปบนหลังมือก็พบว่า เนื้อสีชัดเจนมากกกก!!! เนื้อออกมูสๆนิดนึง มีกลิ่นหอมบลูเบอร์รี่ สดชื่นทุกครั้งที่ทาเลยค่ะ




โดยมีด้วยกันทั้งหมด 5 สี ซึ่งแต่ละสีก็จะมีกลิ่นต่างกันออกไปค่ะ โทนสีก็มาในโทนชมพู แดง ส้ม ไปจนถึงสีแดงเข้มเลยค่ะ ยังไงก็เลือกให้เหมาะกับสีผิวของเราด้วยนะคะ

โดยสีที่มิ้วเลือกมาก็คือ สี Sour Berry ที่มีสีแดงเข้มอมม่วงนิดๆ ดูเข้ากับสาวผิวสีน้ำผึ้งมากๆค่ะ ทาเมื่อไหร่ก็ดูปัง ดูมีพลังขึ้นมาทันที แถมไม่ต้องแต่งเปลือกตาหน้าก็ดูสวยเด่นแล้วค่ะ


ตัวลิปสามารถทาไปที่ปากได้เลยโดยไม่ต้องลงลิปมันก่อนค่ะ เพราะเนื้อลิปก็มีความชุ่มชื่นเพียงพอแล้ว 
มิ้วจะเริ่มทาที่ริมฝีปากล่างก่อน แล้วไปที่ริมฝีปากบน จากนั้นใช้นิ้วเกลี่ยสีลิปส่วนเกินออกค่ะ หรือจะใช้เป็นแปรงทาลิปโดยเฉพาะก็ได้ปากก็จะดูสวยคมไปอีกขั้น

ตอนทาลิปมิ้วรู้สึกว่ามันเย็นๆด้วยค่ะ อาจจะเป็นเพราะถั่งเช่าหรือส่วนผสมอะไรสักอย่าง รู้สึกดีทาลิปได้แบบเพลินๆกันเลยทีเดียว 

หลังทาเสร็จลิปก็ยังไม่แห้งไปในทันที ต้องให้เวลาเขาสักพัก ไม่เกิน 3 นาทีค่ะ หรือถ้าใครไม่อยากรอก็เอาทิชชู่เม้มไปที่ปากเพื่อซับลิปส่วนเกินออกมาได้เลยค่ะ


หลังทาเสร็จก็จะออกมาเป็นประมานนี้ แดงแบบทรงพลัง สามสไตล์สาวผิวสีน้ำผึ้งไปเลยจร้าา



โดยรวมแล้วมิ้วชอบมากๆเลยค่ะ ทั้งตัวกล่อง ตัวผลิตภัณฑ์ และเรื่องราวกว่าจะมาเป็นแบรนด์เคย์ ทุกขั้นตอนบ่งบอกถึงความใส่ใจในแบรนด์และผู้บริโภคมากจริง

แบรนด์นี้จึงเหมาะมากๆกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย หรือคนที่ต้องการอยากได้เครื่องสำอางที่ปลอดภัยเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะทุกวันนี้เราเจอสารเคมีมามากพอแล้วค่ะ การหาเครื่องสำอางที่ทั้งรักษ์โลกและรักผู้บริโภคอยู่ในคราวเดียวกันจึงเป็นสิ่งที่ควรมีติดตัวไว้เป็นอย่างยิ่ง 


ถึงราคาดูเหมือนจะสูงไปสำหรับใครหลายๆคน แต่เมื่อเราเอามาเทียบกับส่วนผสมที่ใช้ และคุณภาพที่เราจะได้รับมันก็คุ้มค่าที่จะลงทุนมากๆค่ะ 

เห็นแบบนี้แล้วใครที่อยากมี แบรนด์ เคย์ ไว้ในครอบครองก็ง่ายๆมากๆ เพราะมีขายที่ร้านตำหรับไทยและช่องทางออนไลน์ต่างๆได้เลยจร้า


IG: kay_exoticlanna
line@: @kayexotic


วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ครั้งแรก!!! กับการทำ HIFU Gen 5 Plus ที่ Sinota clinic หน้าเรียว หน้าเด็ก แบบไม่ศัลยกรรม | MG-Review

HIFU
SINOTA CLINIC


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้ก็จะดูแปลกตาไปสักเล็กน้อยเพราะมิ้วไม่ได้มารีวิว เครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือพาไปเที่ยวแต่อย่างใด แต่มิ้วจะพาทุกคนไปรู้จักกับ การทำ "HIFU" ที่ช่วยให้ใบหน้าของเราเล็กและดูเด็กลงโดยที่เราไม่ต้องศัลกรรมเลยด้วย ความพีคก็คือนี่เป็นการทำสวยครั้งแรกของมิ้วด้วยเพราะมิ้วไม่เคยไปทำหน้ามาก่อน ไม่เคยศัลกรรม หรือลงเข็มใดๆทั้งสิ้น!!! แค่คิดก็ตื่นเต้นละ >___<  มิ้วจะทำออกมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า


เรื่องก็มีอยู่ว่า มิ้วได้มีโอกาสไปทำ HIFU มาที่ SINOTA Clinic ตั้งอยู่ที่ ชั้น 5 ของ Gateway เอกมัย ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่า HIFU นี่มันคืออะไร HIFU ก็คือคำที่ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound ความหมายคร่าวๆ ก็คือเป็นการใช้คลื่น อัลตร้าซาวน์ ที่มีควมเข้มข้นสูง ส่งเข้ามาในใต้ชั้นผิวของเรา มีผลทำให้โครงสร้างของผิวเรา มีความกระชับขึ้น พร้อมกับไปกระตุ้น ให้สร้าง คอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชึ้นผิวทำให้เราหน้าดูเด็กลงอีกด้วยค่ะ

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที https://www.sinotaclinic.com/28/




วิธีการเดินทาง
มิ้วเดินทางจากลพบุรี มาที่ กทม. แล้วก็นั่ง BTS มาลงที่สถานี เอกมัย แล้วก็เดินเข้ามาใน Get way เอกมัย จากนั้นขึ้นลิฟไปที่ ชั้น 5 พอเปิดลิฟออกมาก็ถึงเลยค่ะ เดินทางสะดวกมากๆ ไม่หลง จะหลงก็แต่คนนี่แหละที่ไม่ค่อยชินทาง เพราะไม่เคยมาที่นี่เลย ฮ่าๆ ถ้างง ก็ถามเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ

มาตอนเขามีตลาดพอดีค่ะ ถ่ายจากมุมบนสวยมากๆ

วิธีการทำ
พอมาถึงที่คลินิค ทุกคนก็ต้อนรับเป็นอย่างดีค่ะ เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอโซฟาที่รับแขก มีความสวยหรูดูแพงมาก (แม้แต่ที่นั่งพักก็ยังจะรีวิว ฮ่าๆ) มีเก้าอี้รีบรองลูกค้า และห้องต่างๆแยกกันไป ซึ่งมิ้วอาจไม่ได้ถ่ายมาให้ดูค่ะ ต้องขอสงวนไว้เป็นพื้นที่ส้วนตัว



 และพอถึงเวลา ก็เริ่มทำได้เลยค่ะ ไม่ต้องอดข้าว อดน้ำแต่อย่างใด

- อันดับแรกก็ต้องไปถ่ายรูปกันก่อนเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบดูความเปลี่ยนแปลง
- ต่อมา ก็คือต้องลบเครื่องสำอาง ตรงบริเวณแก้ม 2 ข้าง และคาง เหลือไว้แค่ตากับปาก (ลบตรงที่เราจะทำนั่นเองจร้า บางคนอาจจะลบทั้งหน้าเพราะทำทั้ง ยกคิ้ว ร่องแก้มด้วยอะไรแบบนี้) แล้วก็เพื่อความสะดวกในการเดิน ที่นี่ก็จะให้เปลี่ยนรองเท้าด้วยค่ะ


- จากนั้นก็เริ่มการทำ HIFU ได้เลยจร้า

โปรแกรมที่มิ้วทำมีชื่อว่า HIFU Gen 5 Plus ซึ่งจะมีความเจ็บน้อยกว่าการทำ HIFU แบบธรรมดาค่ะ

          ก็คือเราจะเข้าไปอีกห้องนึง พอคุณหมอมาถึง ก็จะวิเคราะห์โครงหน้าเราก่อนค่ะ จากนั้น ก็นอนบนเก้าอี้ แล้วเริ่มทำโดยการทาเจลใสๆ คล้ายๆกับเจลที่เราทาตอนตรวจครรภ์นั่นเองค่ะ จากนั้นก็เอา อุปกรณ์มานาบที่กรามของเรา แล้วก็ยิงคลื่นออกมาแล้วก็ค่อยๆยกขึ้นมาตามสันกราม โดยมิ้วเริ่มจากกรามด้านซ้ายก่อน ซึ่งคุณหมอบอกว่า กรามแต่ละข้างก็อาจจะใช้ความเข้มข้นของคลื่นไม่เท่ากัน เพราะโครงหน้าเราสองด้านไม่เท่ากันนั่นเองค่ะ จากนั้นก็ไปที่กรามด้านขวาโดยด้านนี้จะต้องใช้คลื่นที่มีความเข้มข้นมากกว่าด้านซ้ายค่ะ เพราะด้านซ้ายแก้มค่อนข้างจะตกกว่าด้านขวา จากนั้นก็มาที่ใต้คางนั่นก็คือตรง เหนียงของเรานั่นเอง (ตรงนี้มิ้วอยากกำจัดมันทิ้งไปมาก ฮ่าๆ)


ระยะเวลาในการทำ
แต่ละข้างก็จะไม่เท่ากัน  แต่รวมๆเวลาทั้งหมดแล้วถ้าจำไม่ผิดมิ้วคิดว่า ไม่เกิน 1 ชั่วโมงค่ะ พอทำเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด สามารถทำกิจกรรมอย่างอื่น หรือแต่งหน้าต่อได้เลย

ข้อควรปฏิบัติหลังทำ HIFU
หลังทำ HIFU ก็หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ หรือถ้าจะต้องเจอแดดจริงๆก็ควรทาครีมกันแดด (จริงๆก็ควรทาตอนออกแดดทุกครั้งค่ะ เพื่อกันฝ้า กระต่างๆ)

ความรู้สึกตอนทำ HIFU
ตอนที่คุณหมอยิงคลื่นก็จะรู้สึกอุ่นๆบริเวณที่ยิงคลื่น แล้วถ้าคนไหนที่มีการอุดฟัน หรือดัดฟันมา ก็จะมีอาการเสียวๆฟันนิดหน่อย เหมือนตอนเรา กรอฟัน ตอนขูดหินปูนอ่ะค่ะ แต่ไม่เจ็บ เป็นความรู้สึกที่มิ้วทนได้นะคะ (ซึ่งการทนความเจ็บของแต่ละคนก็จะไม่เท่ากันเด้อ) แต่ถ้าใครที่กลัวเจ็บก็จะมียาชาทาที่ใบหน้าก่อนทำค่ะไม่ต้องกลัว แล้วขณะทำก็สามารถพูดคุยกับหมอได้ปกติเลยค่ะ

ความรู้สึกหลังทำ HIFU
รูปหน้า หลังทำ HIFU ที่กรามด้านซ้ายเสร็จ เมื่อเปรียบเทียบกับอีกข้างก็จะเห็นว่า ใบหน้าด้านซ้ายนั้นดูยกกระชับขึ้นมาอย่างชัดเจนค่ะ ชัดจนคนอื่นตกใจ ฮ่าๆ


หลังทำเสร็จทั้งสองข้าง ก็รู้สึกว่าใบหน้าดูเรียวขึ้นนะคะ เหนียงก็ดูลดลง (ชอบตรงนี้ ฮ่าๆ) แต่คุณหมอบอกว่า คนที่มีแก้มแบบมิ้ว ก็จะเห็นไม่ชัดเท่าคนที่เนื้อแก้มน้อยๆค่ะ (ก็คือคนที่มีเนื้อแก้มน้อย จะเห็นผลได้ชัดกว่านั่นเอง) ยิ่งคนที่เริ่มมีอายุ เริ่มมีริ้วรอย ก็จะเห็นได้ชัดเลยค่ะ

หลังทำ HIFU มา มิ้วมีความรู้สึกเหมือนมีอาการเมื่อยๆตรงช่วงกรามค่ะ แต่ก็พูดได้ปกติ พอเวลาผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ความรู้สึกก็ค่อยๆหายไปค่ะ

หลังจากทำ HIFU ไป 1 เดือนมิ้วรู้สึกว่าใบหน้าดูเล็กลงกว่าเมื่อก่อน โดยเฉพาะตรงเหนียงค่ะ มันลดลงจนรูสึกได้ ฮ่าๆ ดูมีกรอบหน้ามากขึ้นด้วย


แต่ถ้าเราอยากจะเห็นผลที่ชัดเจนจริงๆ ที่คลินิคแนะนำว่า ให้ดูต่อไปอีก 3 เดือนค่ะ รอให้คอลลาเจนและอิลาสตินผลิตขึ้นมาใหม่ ก็จะเห็นผลได้ชัดเจนกว่านี้

คำแนะนำ
หลังทำ HIFU นอกจากจะทาครีมกันแดดแล้ว ก็ทาบำรุงด้วยเซรั่ม วิตามินC ก็จะช่วยในการการสร้างคอลลาเจนมากยิ่งขึ้นค่ะ เลือกสูตร และแบรนด์ที่เราชอบได้เลย

HIFU เหมาะกับคนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยและต้องการให้หน้าดูกระชับขึ้น และเรียวขึ้น จึงเหมาะกับคนที่มีอายุประมาณ 25 - 35 ปี ค่ะ

HIFU สามารถทำได้ 2-3 ครั้ง ต่อปี คนที่พอมีงบหน่อยและอยากหน้าใสหน้าเรียวก็จัดไปค่ะ ควรทิ้งระยะเวลาในการทำสัก 5 เดือนครั้้งกำลังดีค่ะ อันนี้คุณหมอบอกมา



เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับรีวิวการทำ HIFU ที่มิ้วเอามาเม้ามอยในครั้งนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์ เอาไปเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างในการตัดสินใจทำนะคะ ถ้าใครพอมีงบ และอยากยกกระชับหน้าให้เด็ก เล็กเรียวแบบ 14 อีกครั้งก็ลองไปทำ HIFU  ที่ SINOTA Clinic ได้เลย ของดีต้องบอกต่อค่ะ

สอบถามเพิ่มได้ที่
https://www.facebook.com/sinotaclinic/
https://www.sinotaclinic.com/


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การดูแลตัวเองในส่วนอื่นๆก็สำคัญค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเลือกกิน การนอน หรือความเครียดก็ตาม ถ้าเราทำตรงนี้ควบคู่กันไปด้วย นอกจากหน้าเราจะเล็กดูเด็กแล้ว ร่างกายก็ยังแข็งแรงสุขภาพดี ทั้งกายและใจเลยค่ะ