แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เซรั่ม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เซรั่ม แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

จากถั่วมะแฮะ สู่เซรั่มหน้าเด็ก Helios Face Serum | MG-Review

Helios Face Serum

สวัสดีค่ะทุกคน รีวิวนี้มิ้วก็มีสกินแคร์ดีๆมาฝากันอีกแล้ว เป็นของคนไทยทำเองด้วยมันน่าภูมิใจตรงนี้ ตัวที่มิ้วจะพูดถึงนั่นก็คือ Helios Face Serum นั่นเองค่ะ เซรั่มที่มีสารสะกัดมาจาก ถั่วมะแฮะ รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า







Helios Face Serum เป็นเซรั่ม ที่มีสารสกัดจากถั่วมะแฮะ 


ซึ่งถั่วมะแฮะเป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง สารที่ได้สกัดนี้ได้มาจากเมล็ดของถั่วมะแฮะ ก็คือ สารเป็บไทด์ ซึ่งมีคุณสมบัติ
- มีฤทธิ์การตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเซลล์
- ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานีน
- มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อที่เป็นสาเหตุของสิว
- มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระสูง


และด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาจึงทำให้ Helios Face Serum มีส่วนช่วยในเรื่องของ
- ช่วยยับยั้งการสลายตัวของคอลลาเจนและอิลาสติน
- ช่วยลดริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก
- ช่วยยกกระชับ
- ช่วยลดฝ้า กระ 
- ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ 

ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ค่ะ


ตัวขวด มาในสีทองดูสวยหรูดูแพง ตัวฝาเป็นเหมือนหลอดหยด เวลาใช้ให้กดที่ด้านบนค่ะ


ตัวขวดด้านล่าง ทำมาจากแก้ว มีสีใสทำให้สามารถเห็นปริมาณเนื้อเซรั่มด้านในได้สะดวก ด้านหน้าเป็นตัวโลโก้แบรนด์ค่ะ








 เมื่อทำการกดที่ฝาด้านบน ก็จะมีเนื้อเซรั่มออกมาจากหลอด เนื้อเซรั่มจะมีสีเหลืองอ่อนๆ ค่อนข้างเหลว แต่ที่มิ้วชอบมากๆก็คือ มีกลิ่นที่หอมอ่อนๆ ละมุนมากๆเลยค่ะ


เมื่อลองนำมาทาที่หลังมือก็รู้สึกว่า เนื้อเซรั่มเกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ หลังทาก็จะเห็นว่าหลังมือดูชุ่มชื่นขึ้น กว่าก่อนทาค่ะ




 มิ้วใช้ Helios Face Serum เป็นสกินแคร์ตัวแรก หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ โดยการหยดเซรั่มลงบนฝ่ามือ 1-2 ปั๊ม (แล้วแต่ขนาดใบหน้าของแต่ละคนค่ะ) แล้วเอามาวอร์มกับฝ่ามือ แล้วก็ทาไปที่ใบหน้าโดยการวนออกใบหน้าค่ะ อย่าลืมทาที่คอด้วยเพื่อการบำรุงที่ทั่วถึง

สภาพผิว: ผิวมันบริเวณ หน้าผาก คาง และจมูก ไม่ค่อยมีสิว มีใต้ตาคล้ำ กระนิดหน่อย

 ตอนทารู้สึกว่า เนื้อเซรั่มทาง่ายมากๆ กลิ่นของเซรั่มก็หอมรู้สึกสดชื่นมากค่ะ 
หลังทาก็รู้สึกว่าผิวหน้าดูฉ่ำ แต่ไม่มัน ไม่เยิ้ม พร้อมทาครีมบำรุงตัวต่อไปได้เลย


มิ้วใช้ทุกวันค่ะ ทุกเช้าก่อนแต่งหน้า และก็ก่อนนอน หลังใช้มาสักพักมิ้วก็รู้สึกว่า หน้านุ่มขึ้น ผิวดูเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนดูกระชับขึ้นกว่าแต่ก่อนค่ะ สิวก็ขึ้นน้อยลง แต่อาจจะวัดไม่ได้เท่าไหร่ เพราะมิ้วก็ไม่ค่อยเป็นสิวอยู่แล้วนั่นเอง ทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นมากๆ แถมผิวไม่แสบไม่ลอก (มิ้วไม่ค่อยแพ้อะไรอยู่แล้วค่ะ)



โดยรวมแล้วสิ่งที่มิ้วชอบในตัว Helios Face Serum นี้ก็คือ
- เนื้อเซรั่มมีความเกลี่ยง่าย ซึมไว 
- กลิ่นหอมละมุนมากๆ
- หลังทาก็ผิวหน้าก็ไม่เหยียวเหนอะหนะแต่อย่างใด


คนที่เหมาะกับ เซรั่มตัวนี้ก็คือ 
- คนที่เริ่มมีริ้วรอยแห่งวัยต่างๆ 
- คนที่ต้องแต่งหน้าทุกวัน ใช้หน้าทุกวัน 
- ผู้ใหญ่วัยทำงานที่มีใบหน้าเหนื่อยล้าจากความเครียดต่างๆ 
- ใช้ได้ทั้งผิวมันและผิวแห้ง ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ค่ะ 



อยากให้ไปลองกันจริงๆนะคะ สำหรับ Helios Face Serum ตัวนี้ รับรองว่า ลองแล้วจะติดใจเหมือนที่มิ้วเป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน ขาดไม่ได้เลยค่ะหลังอาบน้ำคือต้องทาเลย และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทาเพราะกลิ่นมันหอมมากจริงๆค่ะ


และใครที่สนใจ Helios Face Serum ตัวนี้ก็ลองเข้าไปสอบถามรายละเอียด และสั่งซื้อได้ที่

Facebookhttps://www.facebook.com/heliosthiland/
Websidehttps://www.heliosthailand.com/




วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562

ดูแลหน้าแบบสวยครบสูตร ด้วย Estitude Skincare (สกินแคร์คุณหมอ) | MG-Review

Estitude Skincare


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้มิ้วจะมาพูดถึงสกินแคร์ ที่จะมาช่วยให้ทุกคนได้สวยครบสูตร เหมือนมีคุณหมอมาดูแลด้วยตัวเองเลยค่ะ สกินแคร์ที่มิ้วพูดถึงนั้นก็คือ Estitude Skincare นั่นเอง มาด้วยกันถึง 3 ตัวเลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เซรั่ม ครีมบำรุง ละกันแดด รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า





Estitude Skincare เป็นเวชสำอางที่ถูกคัดสรรค์โดย คุณหมอกัน รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ ที่ปรึกษาด้านความงามจาก ธีระธรฌ์คลินิก นั่นเองค่ะ โดยคุณหมอมีโจทย์ว่า มีเงินหลักร้อยก็สามารถสวยได้ เหมือนมีคุณหมอมาดูแลผิวหน้าส่วนตัวที่บ้านนั่นเองนอกจากนี้ยังเป็นเวชสำอางที่ผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีด้วย จึงมั่นใจในคุณภาพได้เลย คนที่มีผิวแพ้ง่ายต่างๆก็สมารถใช้ได้ค่ะเพราะเป็นครีมที่ผลิตโดยคุณหมอ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แน่นอน โดยมิ้วได้ลองใช้ทั้งหมด 3 ตัวค่ะนั้นก็คือ

1. MULTI SKIN BOOSTER SERUM

2. MULTI VITAL NOURISHING CREAM

3. MULTI SUNSCREEN SPF 50 PA+++


แต่ละตัวจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยจร้า





MULTI SKIN BOOSTER SERUM 


เป็นเซรั่มที่มีเนื้อบางเบา ช่วยให้ผิวของเรามีควากระจ่างใส ดูมีออร่า มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นค่ะ ที่เขาบอกว่าช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสก็เพราะว่า มีส่วนสารสกัดจาก

- Citrus fruit extract
ช่วยขจัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

- Malpighia Punicifolia (Acerola) Fruit Extract
ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระเพราะมีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 10 เท่า

- Oryza Sativa Extract
ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย

- Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Oil
ช่วยลดริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นด้วยวิตามิน B

- Carica papaya fruit extract
ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยให้ผิวนุ่มไม่หยาบกร้าน ด้วย วิตามิน C Carotenoid Papain



ตัวขวดมาเป็นแบบสี่เหลี่ยม สีสีนสวยงาม ขนาดจุใจ มาในประมาณ 20 ml ด้านตัวฝาเป็นหลดหยดค่ะ 


เมื่อหยดเนื้อเซรั่มลงบนหลังมือจะเป็นว่าเนื้อเซรั่มค่อนข้างเหลวเลย สีออกขาวขุ่น เหมือนสีไข่มุกก็ว่าได้ กลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ

เมื่อทาลงบนหลังมือก็จะเห็นว่าเนื้อเซรั่มมีความลื่น เกลี่ยง่ายมากๆ แถมซึมไวอีกต่างหาก หลังทาบนหลังมือก็ไม่มันเยิ้มค่ะ


มิ้วจะใช้เซรั่มเป็นตัวแรกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ หยดเซรั่มลงบนฝ่ามือแล้ววนๆที่ฝ่ามือ จากนั้นก็ทาไปที่ใบหน้าด้วยการวนๆออกจากใบหน้าค่ะ แล้วก็ทาคอดด้วยคอเราจะไม่เหี่ยวนั่นเอง


หลังทาเซรั่มเสร็จทันที มิ้วรู้สึกว่าเนื้อเซรั่มมีความซึมไปกับผิวไวมากค่ะ ไม่เหนียวเหนอะหนะ หน้าไม่มันเยิ้มค่ะ





MULTI VITAL NOURISHING CREAM 


เป็นครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้น ที่ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึกค่ะ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ลดฝ้า กระ เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นบำรุงเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก เนียนนุ่ม ดูอ่อนเยาว์มากขึ้นนั่นเองค่ะ มาในปริมาณ 30 ml.


มีส่วนประกอบหลักๆได้แก่
- Heaven White
สารสกัดจากพืช 7 ชนิด ที่มีประสิทธิภาพสูง ในเทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ช่วยฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และมีความชุ่มชื่น

- Artemia Extract PLANKTON
สารสกัดจากแพลงก์ตอนทะเล ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดเลือนริ้วรอย 

- Arbutin
ช่วยลดความหมองคล้ำ เพิ่มความกระจ่างใส 

- Niacinamide
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น และบรรเทาผิวที่แพ้ง่ายช่วยลดเลือนริ้วรอย



ตัวกระปุกมาแบบสวยหรูดูแพง สีขาวมุกเหมือนตัวเซรั่มเลยค่ะ ส่วนฝาก็มาเป็นแบบหมุน มีสีเงิน เมื่อเปิดออกมาจะมีตัวที่กั้นเนื้อครีมอยู่ค่ะ


เมื่อเปิดฝากั้นเนื้อครีมออกมาก็จะเห็นตัวเนื้อครีมสีขาวมุก มีความข้นเลยทีเดียว เมื่อทาลงบนหลังมือก็มีความเกลี่ยง่ายเลยค่ะ รู้สึกหลังมือมีความชื่นขึ้นด้วย


วิธีใช้ก็คือ หลังจากที่มิ้วทาเซรั่มแล้ว ทิ้งไว้สักพัก ก็มาทาครีมกันต่อค่ะ โดยมิ้วจะแต้มเนื้อครีมไปที่ 5 จุดคือ แก้ม 2 ข้าง หน้าผาก จมูก และคาง จากนั้นก็เกลี่ยวนๆออกจากใบหน้า และลำคำค่ะ


หลังทามิ้วก็รู้สึกว่า ใบหน้ามีความชุ่มชื้นมากขึ้น แต่หน้าไม่มันไม่เยิ้มเลยค่ะ หน้าดูมีความลื่นขึ้นด้วย ไม่แสบไม่ลอกแต่อย่างใด





MULTI SUNSCREEN SPF 50 PA+++ 


เป็นครีมกันแดดให้มากกว่าการกันแดดค่ะซึ่งนอกจากจะกันแดดจากรังสี UV-A, UV-B Visible light, Infrared light ด้วย SPF 50 แล้ว ก็ยังช่วยบำรุงผิวด้วยสารสกัดจาก 

- Witch Hazel Extract
ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น 

- Microfine Zinc Oxide
ป้องกัน UVA/UVB และสะท้อนรังสีต่างๆไม่ทำให้ผิวอุดตัน เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน 

- Chamomile Extract 
เพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ลดการระคายเคืองและการอักเสบของสิว เพิ่มความเรียบเนียนและลดรอยแผลเป็น มีความอ่อนโยนเหมาะมากๆกับผิวแพ้ง่าย 


ตัวหลอดกันแดดมาในขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย หลอดสีขาวฝาสีดำค่ะ
มาในปริมาณ 20 ml.


เมื่อหมุนฝาออกมาแล้วบีบดูเนื้อครีมก็จะเห็นว่า เนื้อครีมมีสีชมพูอ่อนๆ ลักษณะนุ่มๆลื่นๆ กลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ


เมื่อทาครีมลงบนหลังมือก็พบว่าเนื้อครีมมีความเกลี่ยง่ายมาก หลังเกลี่ยสีของหลังมือก็ไม่เปลี่ยนไม่มันเยิ้ม ผิวมีความนุ่มลื่นขึ้นด้วยค่ะ 


มิ้วก็จะทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากทาครีมทั้งหมดค่ะ โดยบีบมา 1 ข้อนิ้วชี้ แล้วแต้มไปที่ 5 จุด แล้วเกลี่ยให้ทั่ว ที่สำคัญอย่าลืมทาคอ และส่วนที่ต้องโดนแดดด้วยค่ะ เพื่อผิวของเราจะไม่เสีย





โดยรวมแล้ว หลังมิ้วใช้ Estitude Skincare มาสักพักนึง มิ้วก็รู้สึกว่าใบหน้ามีความเรียบลื่นขึ้น ตื่นมาล้างหน้าในตอนเช้าก็มีความรู้สึกว่าหน้านุ่มชุ่มชื่นขึ้น หน้าดูใสมากกว่าแต่ก่อนด้วยค่ะ ทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องปกปิดรอยต่างๆเหมือนเมื่อก่อนด้วย


โดยสรุปแล้วนะคะ สิ่งที่มิ้วชอบใน Estitude Skincare ก็คือ
- การที่เนื้อเซรั่ม และเนื้อครีมมีความเกลี่ยง่าย
- หลังทาเซรั่ม และครีม ไม่มีความเหนียวเหนอะหนะหน้า ไม่มันเยิ้ม
- ใช้แล้วหน้าไม่แสบ ผิวไม่ลอกค่ะ 


คำแนะนำเพิ่มเติมในการทาครีม
ปริมาณที่มิ้วมาครีม ในตอนกลางวันกับกลางคืนจะแตกต่างกันค่ะ ก็คือมิ้วจะทาครีมในตอนกลางคืนในปริมาณที่มากกว่ากลางวัน1 เท่า เพราะตอนกลางคืน มิ้วคิดว่าผิวของเราต้องการการบำรุงอย่างล้ำลึก จึงสามารถใช้ครีมในปริมาณมากกว่าปกติที่เคยทาตอนกลางวันได้


ส่วนในตอนกลางวัน ควรทาครีมในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้หน้าเรามันเยิ้มจนเกินไปค่ะ
(ปริมาณในที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับใบหน้าของแต่ละคนเลยค่ะ)


Estitude Skincare เหมาะกับใคร
จริงๆแล้วเป็นเวชสำอางที่เหมาะกับทุกคน ทุกสภาพผิวเลยค่ะ
- คนผิวแห้ง แพ้ง่ายก็ไม่ทำให้หน้าลอก
- คนผิวมันก็ไม่ทำให้หน้ามันมากกว่าเดิมค่ะ


เพราะฉะนั้นใครที่อยากมีผิวสวยกระจ่างใส ใบหน้าเรียบเนียน แบบสาวเกาหลี ที่เหมือนมีคุณหมอผิวหน้ามาดูแลด้วยตัวเองแบบมิ้วล่ะก็ อย่าลืมไปลองใช้กันได้นะคะ


สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/Estitude/

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562

ผิวออร่ากระจ่างใสใน 2 สัปดาห์ ด้วย Ridella Skincare

Ridella Skincare


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้ใครที่อยากมีผิวออร่ากระจ่างใสสวยจบครบในแบรนด์เดียวมิ้วก็มีสกินแคร์แบรนด์ หนึ่งมาแนะนำ จะบอกว่ามีความดีงามมากๆ ผิวดีขึ้นจนรู้สึกได้ภายใน 2 อาทิย์เลยค่ะ จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจร้า


สกินแคร์ที่มิ้วพูจถึงนี่ก็คือแบรนด์ Ridella นั่นเองค่ะ มิ้วได้ลองใช้อยู่ 2 ตัว นั่นก็คือ
1. Ridella Advanced Formula White Aura Serum 
2. Ridella Silky Smooth Sunguard Mousse SPF50/PA+++

ซึ่งแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยค่ะ

เรามาดูกันที่ตัว เซรั่มกันก่อนเลยจ้า

Ridella Advanced Formula White Aura Serum 


เป็นเซรั่มที่ช่วยในเรื่องของปัญหาผิวได้ดีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องริ้วรอย ผิวหมอง แห้ง หน้าหยาบกร้าน ฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆนั่นเองค่ะ เพราะมีส่วนผสมที่บำรุงผิวมากมายไม่ว่าจะเป็น

Camu Camu
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่า ส้มถึง 30 เท่า

Hyaluron (ซึ่งเล็กกว่า ไฮยารูลอนปกติถึง 100 เท่า)
ช่วยให้ความชุ่มชื้น ยาวนาน 72 ชั่วโมง

อัลฟา อะบูติน
ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและจุดด่างดำ

โปรติเอส
ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวบาง

ไวตามินซี
ช่วยให้ผิวขาวกระจา่งใส

รกกุหลาบ (สารสกัดสเต็มเซลจาก “รก” กุหลาบสายพันธุ์ Rosa Damascena หรือที่เรียกกันว่า Damask Rose)
ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวมีความยืดหยุ่น และมีความชุ่มชื่น

เพนตาวิทิน
ช่วยลดผิวที่หยาบกร้าน และปกป้องจากการสูญเสียน้ำ

Niacinamide
ช่วยให้ผิวกระจ่างใสเทียบเทาไฮโดรควินโนน ไม่ทพำให้ระคายเคืองผิว





ตัวกล่องก็มาในสีเงิน สวยหรูดูแพง ผู้ดีมากๆเลยค่ะ ด้านหลังจะเป็น สรรพคุณ และวิธีใช้ ด้านข้างจะเป็นส่วนผสม ส่วนประกอบต่างๆค่ะ


เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับขวดของเซรั่มค่ะ ซึ่งขวดเซรั่มจะมาเป็นขวดแก้วทึบแสงสีน้ำเงิน ส่วนตรงฝาจะเป็นแบบหัวหลอดหยดเพื่อง่ายต่อารใช้งานค่ะ



ในส่วนเนื้อของเซรั่มนั้น จะออกสีขาวขุ่นนิดค่ะ เมื่อหยดลงบนหลังมือ ก็จะเห็นว่าเนื้อมีความเหลวแต่ไม่ข้นมากนัก กลิ่นหอมกำลังดีค่ะ ไม่ฉุนเลย เมื่อทาเสร็จแล้วผิวไม่แห้ง ดูชุ่มชื้นขึ้นกว่าก่อนทา แล้วก็ไม่เหนียวเหนอะหนะเลยค่ะ



มิ้วจะใช้เซรั่มหลังจากที่อาบน้ำเสร็จค่ะ มิ้วจะบีบหลอดหยดออกมาจากขวด แล้วบีบลงบนฝ่ามือเพียงแค่ครึ่งปั๊มเท่านั้นก็ทั่วหน้าแล้วค่ะ จากนั้นก็ถูลงบนฝ่ามือจะเป็นการช่วยวอร์มเซรั่มไปในตัวค่ะ แล้วก็ทาแบบวนออกด้านข้างเป็นการนวดหน้าด้วยนั่นเองค่ะ แล้วก็ทาที่คอแบบลากขึ้นด้านบนต้านแรงโน้มถ่วงค่ะคอเราจะได้ไม่เหี่ยวด้วย


ตอนทารู้สึกว่า เนื้อเซรั่มทาง่ายมากๆเกลี่ยง่ายและซึมไวมากๆค่ะ

หลังทาทันทีก็รู้สึกว่า หน้าดูชุ่มชื่น แต่ไม่มัน ไม่เยิ้ม และไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ พอหลังตื่นมาอาบน้ำในตอนเช้า ตอนล้างหน้า หน้ารู้สึกนุ่มลื่นขึ้นมากๆเลย



ความรู้สึกหลังใช้ไป 14 วันก็รู้สึกว่า
1. ผิวมีความเนียนละเอียดขึ้นจนรู้สึกได้เลยค่ะ โดยเฉพาะตรงบริเวณหน้าแก้มและจมูก ที่ตอนแรกจะมีพวกสิวเสี้ยนอยุ่เยอะมากๆ
2. ผิวก็ดูเรียบลื่นขึ้น
3. แต่งหน้าง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ
4. ที่สำคัญคือผิวมิ้วไม่ลอก ไม่แสบด้วยค่ะ

หลังจากที่เราทาเซรั่มกันไปแล้ว ในตอนกลางวันจำเป็นอย่างมากที่ต้องทาครีมกันแดดด้วยค่ะ เพราะแดดนี่แหละเป็นตัวการที่ทำให้ผิวเราหยาบกร้าน และคล้ำเสีย แถมผลเสียอย่างร้ายแรงก็คือเป็นมะเร็งผิวหนังเลยนะคะ เราจึงต้องทากันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้งค่ะ ทั้งผิวกายและผิวหน้า แล้วกันแดดที่  Ridella ส่งมาให้มิ้วได้ลองใช้นั่นก็คือ

Ridella Silky Smooth Sunguard Mousse SPF50/PA+++


ซึ่งเป็นกันแดดที่มีถึง 6 คุณสมบัติในหลอดเดียวเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
1. กันแดด้วย SPF 50/PA+++
2. ปกป้องจากมลภาวะ ฝุ่น PM 2.5
3. ช่วยกักเก็บน้ำให้อยู่ในผิว คงความชุ่มชื้น
4. ช่วยต่อต้านอนุมูลิสระ
5. เป็นไพรเมอร์ ช่วยให้แต่งหน้าได้ดีขึ้น
6. ช่วยฆ่าเชื้อสิว



ตัวกล่องมาเป็นสีเงินเหลือบสีรุ้ง สวยหรูดูแพงมาก มาในขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่ไป พกไปเที่ยวได้เลยค่ะ ด้านหลังเป็นสรรพคุณและวิธีใช้ ด้านข้างจะเป็นส่วนผสม และข้อมูลติดต่อค่ะ


มาในปริมาณ 30 ml.


พอเปิดกล่องออกมาก็จะเป็นตัวหลอดครีมกันแดดที่มีสีเงิน ดูเก๋ไก๋มาก มาเป็นแบบฝาเกลียวค่ะ เวลาจะใช้เราก็บีบหลอดออกมาได้เลยสะดวกมากๆ


เนื้อครีม เมื่อบีบออกมาจะมีสีเนื้ออ่อนๆ ลักษณะเป็นเนื้อใยไหม หรือมูสๆในแบบที่มิ้วรู้สึกนะคะ ไม่ใช่เนื้อครีมทั่วไป มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบผู้ดีมาก


เมื่อเกลี่ยแล้วจะเห็นว่าหลังมือของเรามีความชุ่มชื้นขึ้นมานิดนึง สีสว่างขึ้นมานิดเดียวเท่านั้น แถมมีความลื่นขึ้นและเรียบเนียนขึ้นด้วยค่ะ เติมเต็มร่องที่ผิวหนังได้ดีมาก


มิ้วก็จะใช้ครีมกันแดดต่อจากที่เราทาเซรั่มเลยค่ะ โดยบีบมา 1 ข้อนิ้ว แล้วแต้มไปที่ 5 จุดก็คือ หน้าผาก แก้ม 2 ข้าง จมูก และคาง จากนั้นก็เกลี่ยวนๆ ออกจากใบหน้าเป็นการนวดหน้าไปในตัวค่ะ แล้วก็อย่าลืมทาที่คอด้วยจะได้กันแดดที่คอด้วยจ้า

ความรู้สึกตอนทาก็คือ
เนื้อกันแดดมีความลื่น เกลี่ยง่ายมากๆ ไม่เหนอะหนะผิวเลยค่ะ

หลังทาเสร็จก็รู้สึกว่า
หน้ามีความเรียบลื่นขึ้น ไม่มันไม่เยิ้ม ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมรับการแต่งหน้าต่อได้เลยจร้า 


ความรู้สึกตอนที่มิ้วแต่งหน้าก็คือแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น เกลี่ยรองพื้นกับทาแป้งง่ายขึ้น เพราะใบหน้ามีความเรียบเนียนขึ้น นั่นเองค่ะ แถมหน้ามันช้ากว่าที่เคย และยังแต่งหน้าติดทนมากขึ้นกว่าการที่เราไม่ได้ทาครีมกันแดดตัวนี้ด้วย


แถมยังรู้สึกว่า ระหว่างวันหน้าไ่ม่ค่อยมันด้วยค่ะ ทั้งๆที่อากาศวันนั้นคือค่อนข้างร้อนเลยทีเดียว ผิวหน้ายังติดทนดี แต่ปากที่ลบไปคือ มีการกินข้าวกินน้ำ ด้วยนั่นเอง




โดยรวมแล้วนะคะ สิ่งที่มิ้วชอบใน สกินแคร์ของ Ridella เลยก็คือ
1. เนื้อทั้งสองตัวมีความเกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่ผิวก็ยังคงผิวชุ่มชื้นอยู่ค่ะ
2. กลิ่นมีความเป็นผู้ดีสูงมาก หอมแบบไม่ฉุนเลยค่ะ
3. ตัวกล่องมีความสวยงาม เป็นเอกลักษณะ
4. ตัวขวดและ หลอดครีมกันแดด มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป พกพาใช้ไปเที่ยวได้
5. ตัวกันแดดช่วยให้ ผิวลื่นและแต่งหน้าง่าย ติดทนมากขึ้นจริงๆค่ะ
6. ผิวหน้าหลังใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสอง มีความเรียบเนียนมากขึ้น หน้าดูกระจ่างใสขึ้น และชุ่มชื่นมากขึ้นค่ะ




เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ สกินแคร์ ของ Ridella ที่มิ้วมาแนะนำในวันนี้ ใครที่อยากผิวออกร่า กระจ่างใส ดูเรียบเนียนมากขึ้น ก็ลองเข้าไปสอบถามรายละเอียด กันได้เลยนะคะที่

Facebook: https://www.facebook.com/MissDivaThailand/
Line@: @MissDiva