แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สวย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สวย แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

รีวิว Mars de cafe (มาร์ดิคาเฟ่) คาเฟ่เปิดใหม่ ใจกลางเมืองลพบุรี สีชมพูสุดสวยน่ารัก นึกว่าอยู่เกาหลี!!! | MG-Review

 MARS DE CAFE

LOPBURI 

THAILAND


สวัสดีค่าทุกคน รีวิวนี้มิ้วจะพาทุกคนไปดูคาเฟ่เปิดใหม่ ใจกลางเมืองลพบุรี ด้วยความที่เป็นคนลพบุรีด้วย และคาเฟ่อยู่ใกล้ๆกับที่บ้านด้วย แบบขับรถมาไม่นานก็ถึง อยู่ใกล้ วังนารายณ์ อยู่ ใกล้โรงเรียนวินิต1 ทำเลดีนะบอกเลย แถมร้านเขาก็ยังสวยสะดุดตาแบบชนิดที่ว่า ขับรถผ่านต้องหันกลับมามอง เพราะงั้นไม่พาไปชมก็กะไรอยู่ค่า รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ร้านสวยขนาดไหน ราคาสมกับขนมหรือไม่ ไปดูรายละเอียดกันได้เลยค่ะ



Mars de cafe (มาร์ดิ คาเฟ่) เป็นคาเฟ่สองชั้น ที่อยู่ใจกลางเมืองลพบุรี ตัวร้านจะอยู่ทางมุมของแยกตรงข้ามกับวังนารายณ์เลยค่ะ 

ร้านจะเปิดทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 09:00- 18:00

ตัวร้านด้านนอกจะเป็นตึก แถว 2 ชั้น ที่ทาสีชมพูอ่อนทั้งตึก แถมมีป้ายตัวอักษรอยู่หน้าร้านสังเกตได้ง่ายมากเลยค่ะ


โทนสีของร้านจะเป็นสี ชมพู โรสโกล์ว สีขาว สีเทา พอเปิดประตูเข้ามา ก็จะต้อง สแกนอุณหภูมิก่อน แต่ที่พิเศษคือ เครื่องนี้จะหยดเจลแอลกอฮอล์ได้ในครั้งเดียวกันค่ะ มีความเก๋มาก


ร้านด้านล่าง จะมีเค้าเตอร์ให้สั่งขนม และเครื่องดื่ม มีโต๊ะ แบบเป็นริมหน้าต่าง และโต๊ะกลางห้อง ที่เป็นสีขาว ซึ่งมิ้วนั่งตรงนี้ค่ะ แล้วก็มีอีกด้านหนึ่งที่บุผนังให้ความรู้สึกอยู่เกาหลีมาก (อุ้ว ร้านสวยตั้งแต่ข้างล่างเลยค่ะ)

เนื่องจากมิ้วมาวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่คนเยอะมากๆ อาจจะไม่ได้ถ่ายบางมุมนะคะ เพราะกลัวติดคนอื่นมาด้วย


ด้านนี้จะเป็นเมนูแนะนำต่างๆของที่ร้านค่ะ แปะแนะนำแบบเห็นภาพชัดเจน


ส่วนด้านนี้จะเป็นขนมของที่ร้าน มีทั้งเค้ก คุกกี้ ครัวซอง และอื่นๆค่ะ ตามภาพ น่าทานทั้งนั้นเลย


ที่ร้านตกแต่งได้สวย ไปหมด ถ่ายรูปได้ทุกมุมเลยค่ะ

พอเดินเข้ามาในร้านมิ้วก็ไปสั่ง น้ำกับขนมที่เค้าเตอร์ค่ะ สักพักเขาจะให้ ป้ายรอคิวมา คือจะเป็นป้ายที่พอถึงคิวของเราแล้วก็จะส่งเสียงเตือนเรานั่นเองค่ะ จะได้ไม่ลืมว่าถึงคิวเราแล้ว


ที่มิ้วสั่งก็จะเป็น ชากุหลาบเมนูแนะนำของทางร้าน(70.-) กับชาเขียวเย็น(60.-) และเค้ก(95.-)ค่ะ


เห็นหน้าตาดีแบบนี้แล้ว รสชาติขอบอกเลยว่า ดีงามไม่แพ้กันค่ะ ชากุหลาบได้กลิ่นหอมของกุหลาบรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ ส่วนชาเขียวก็ไม่หวานไป กลิ่นหอมชาเขียวกำลังดีค่ะ ส่วนเค้กก็หอมช้อคโกแลต หวานนิดหน่อย แต่เสียดาย มาก้อนเล็กไปนิดนึงค่ะ ฮ่าๆ


บอกเลยว่าร้านี้ถ่ายมุมไหนก็สวย


วันที่ไปตอนนั้นคือ จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะมา แต่ไหนๆมาในเมืองแล้ว ก็เลยแวะสักหน่อย เสื้อผ้า หน้าที่ไม่ได้แต่งมากนัก ผมที่ยังไม่สระสภาพก็อย่างที่เห็นค่ะ ฮ่าๆ


มุมเด็ดที่ชั้นล่าง ก็จะเป็นเก้าอี้กำมะหยี่สีชมพูที่มีพื้นหลังเป็นชื่อร้านนี่แหละค่ะ ดูสวยแพง ลูกคุณมาก


แถมยังมีห้องน้ำไว้ให้บริการด้วยค่ะที่ชั้นล่าง 


และร้านนี้เขาก็มีชั้น 2 ด้วยจ้า ตอนแรกคิดว่ามีชั้นเดียว ซึ่ง ถ้ามีชั้นเดียวคือเล็กมากเลยนะ เสียดายการตกแต่งของร้าน ถัดจากห้องน้ำมาจะมีบันไดทางขึ้นไปชั้น 2 ค่ะ แต่ขึ้นระวังๆหน่อยนะคะเพราะบันไดค่อนข้างจะชัน


พอขึ้นมาชั้นสองบอกเลยว่า สวยกว่าชั้นแรกอีกค่ะ แล้วคนก็เยอะเช่นกัน ฮ่าๆ มีหลายมุมให้ถ่ายรูปมาก ไม่ว่าจะเป็นบ่อบอล(แต่ห้ามลงไปนะคะ หยิบบอลมาเป็นพร็อบ ถ่ายเล่นๆได้) มุมเก้าอี้เล็กๆ ผนังที่มีข้อความเรืองแสงต่างๆ


บอกเลยว่าแต่ละมุมนั้น สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ แต่ก็อย่างที่บอกว่ามิ้วไปวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่มีตลาดนัดในเมืองลพบุรีด้วย เป็นวันหยุดด้วย คนเลยเยอะเป็นพิเศษ แต่ก็พยายามบิดตัว หามุมหลบคน และเหล่านักรีวิวต่างๆด้วย เท่าที่มิ้วเห็นก็คือ เขาแต่งตัวมาพร้อม ชุดพร้อม กล้องพร้อมมาแบบจัดเต็มมากเลย ตัดภาพมาที่มิ้ว ฮ่าๆๆ


มุมนี้ช่วงบ่ายแสงกำลังเข้าเลยค่ะสวยมาก


มุมนี้ใช้เลนส์วาย ตัวเลยดูยาวๆหน่อย



มุมนี้ก็น่ารักค่ะ ใส่สีเทามาก็ดูเข้าอยู่น้าาาาาา ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า ฮ่าๆ


ส่วนบ่อบอลก็ถ่ายได้ขอบๆน้าอย่าลงไปเด้อ (ดูหน้าเหมือนยัง งงอะไรสักอย่าง ฮ่าๆ)


ยังมีมุมอีกหลายมุมเลยที่มิ้วไม่ได้ถ่าย แต่เพราะคนเยอะมากเลยขอไปวันธรรมดา ครั้งหน้าดีกว่า เวลาไปก็หามุมหาเวลาดีๆก็แล้วกันค่า


ส่วนมุมนี้จะเป็นทางลงบันไดไปชั้นล่าง ให้อารมณ์เหมือนอยู่เกาหลี หรือ ทางลงไปชั้นใต้ดิน ที่ต่างประเทศเลยค่ะ


โดยรวมแล้วมิ้วถือว่า Mars de cafe (มาร์ดิคาเฟ่) เป็นคาเฟ่ แนวใหม่มากสำหรับเมืองลพบุรี คือฉีกทุกโทนสี และแนวในตอนนี้ เพราะคาเฟ่ ในเมืองลพบุรีส่วนใหญ่ จะให้อารมณ์เหมือนอยู่ในญี่ปุ่น จะเป็นโทนไม้ๆ สีขาว สีดำ ต่างๆ แต่นี่คือมาสีชมพูเลยจ้า แถมร้านก็อยู่ตรงมุมวังพอดี เห็นแล้วสะดุดตามาก

ส่วนการตกแต่ง ก็เน้นไปทาง สวยแพง ลูกคุณ และแนวๆเกาหลีค่ะ
ส่วนราคา มิ้วถือว่า อยู่ในระดับกลาง ไม่แพงไป ไม่ถูกไป คุ้มค่ากับการได้รูปและมุมสวยๆ และรสชาติก็ดีขนมก็อร่อยเลยค่ะ

ถ่ายที่หน้าร้านช่วงเวลา 16:00 ค่ะ

ส่วนคำแนะนำของมิ้วก็อยากจะบอกว่า มาวันธรรมดาคนจะน้อยกว่า ส่วนการแต่งตัว ก็เป็นแนวเกาหลีก็ได้ หวานๆก็เข้า สวยแพงก็เริ่ด หรือใครจะมาเท่ๆก็ได้เช่นกันค่ะ โทนสีก็เช่น เทา ขาว นู้ด ดำ ชมพู ชมพูเข้ม ก็จะดูเข้ากับทางร้านค่ะ

ส่วนใครที่อยากเข้าไปดู บรรยากาศร้านเพิ่มเติม หรือรีวิว ขนมเครื่องดื่มต่างๆ
ก็สามารถเข้าไปติดตามและดูเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยจ้า

ทั้งหมดก็มีประมาณนี้นะคะที่มิ้วมารีวิว แต่เดี๋ยวจะไปบ่อยๆ แล้วเอารูปมุมต่างๆมาเพิ่มอีกแน่นอนค่ะ เหมือนยังไม่เต็มอิ่ม ฮ่าๆ ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้าค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ <3



















วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563

รีวิว Ravida Bright Berry Body soap ผิวใสจากธรรมชาติ | MG-Review

 Ravida 
Bright Berry Body soap


ต่อเนื่องจากรีวิวที่แล้วนะคะที่มิ้วพูดถึงการกู้ผิวจากการไปทะเลมา รีวิวนี้ก็จะมาพูดถึงการกู้ผิวกายบ้างค่ะ อย่างที่บอกว่ามิ้วมีผิวที่คล้ำเสียมาจากการไปเที่ยวทะเล หลังกลับมาจากทะเลก็ทำการฟื้นฟูผิวกายด้วยตัวนี้เลยค่ะ  Ravida Bright Berry Body soap เป็นสบู่บำรุงผิวกายแบรนด์น้องใหม่ของคนไทยที่มีส่วนผสม ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวค่ะ มิ้วใช้แล้วจะเป็นอย่างไร รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยจ้า



Ravida Bright Berry Body soap เป็นสบู่ที่มาในรูปแบบก้อน สีชมพูน่ารักน่าใช้ เป็นแบรนด์ของคนไทย แต่มีสารสกัดที่มาจากธรรมชาติหลากหลายชนิดเลยค่ะ ช่วยบำรุง และฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง


ตัวกล่อง มาเป็นกล่องกระดาษสีชมพูขาว น่ารัก ด้านหน้าเป็นชื่อแบรนด์ ด้านหลังเป็นรายละเอียดสินค้า วิธีใช้ สถานที่ผลิต แถมเขาบอกด้วยว่าไม่มี สาร SLS ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองด้วยค่ะ


พอเปิดออกมาจะเป็นสบู่ในรูปแบบก้อนสีชมพูอ่อนๆ ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือเลยค่ะ กลิ่นเขาจะออกแนวเบอร์รี่นิดๆ หอมอ่อนๆ น่าใช้มาก และเขายังแถมถุงตาข่ายตีฟองมาให้ด้วยค่ะ เวลาใชะจะได้มีฟองเยอะขึ้น


สารสกัดเขาก็ให้มาแบบพรีเมียมเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
สารสกัดสตอเบอร์รี่ขาวสายพันธุ์คุณภาพที่สุด: ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดการเกิดเม็ดสีผิว

Acerola Cherry : ลดจุดด่างดำจากสิว ช่วยให้ผิวขาวอวชมพู

Raspberr: ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการผลัดเซลล์ผิวช่วยให้ผิวยืดหยุ่น

Linoleic Acid: ลดการแตก กร้าน และเป็นขุย  รวมไปถึงรักษาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น ผื่นเรื้อรัง

Vitamin C: ต่อต้านริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใสลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว สมานแผลให้ผิวหายเร็วขึ้น

Coconut Oil: รักษาอาหารผิดปกติของผิวหนัง สมานผิว ลดผื่นแพ้ รักษาควาามชุ่มชื่นของผิว

Blackberry: ลดการอักเสบ สมานแผล ช่วยคงสภาพเซลล์

Vitamin E: ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ปกป้องผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยแผลเป็น



Blueberry: ต้านอนุมูลอิสระ สมานแผล ลดการอักเสบ

Arbutin จาก Bearberry: ช่วยยับยั้งการเหิดเม็ดสีผิว ให้สีผิวดูสม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำจากรักสี UV

Linolenic Acid: ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ลดภาวะสิวอักเสบ ลดริ้วรอย ปกป้องผิวจากรังสีUV

Wild Honey: ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ลดการอักเสบของผิว ป้องกันวิตามินซีไม่ให้ถูกทำลาย

Milk: ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ให้ผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใส

Glutathione: ช่วยให้ผิวกระจ่างใสมีออร่า ลดจุดด่างดำ ต่อต้านอนุมูบอิสระ

Rose Extract: ช่วยคงความชุ่มชื่น ลดรอยแดงของสิว ฟื้นฟูเซลล์ผิว ให้ผิวดูส่วางสุขภาพดี


โดยรวมแล้วจึงช่วยให้ผิวของเราดูกระจ่างใส มีสุขภาพดี ช่วยลดกลิ่นตัว ผิวดูมีออร่า นอกจากนี้ยังช่วยลดสิวรอยดำ รอยด้านต่างๆด้วยค่ะ เรียกได้ว่าช่วยฟื้นฟูทุกปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมในก้อนเดียวค่ะ



ตอนใช้ มิ้วก็จะใช้คู่กับตาข่ายที่เขาให้มาค่ะ โดยเอาสบู่มาใส่ในตาข่าย 
แล้วผสมกับน้ำนิดหน่อยขยี้ให้เกิดฟอง จากนั้นก็ทำตัวของเราให้เปียกค่ะ 
แล้วนำสบู่ที่ตีฟองตาข่ายแล้วมาถูตามร่างกายค่ะ ถูแบบวนๆให้ทั่วตัวเลยค่ะ 
ผิวของตาข่ายกับฟองที่มีอยู่ก็จะช่วยทำความสะอาดผิวของเราขณะที่วนๆไปทั่วผิวนั่นเอง 
ขัดวนไปให้ทั่วร่างกาย จากนั้นก็ทิ้งไว้ ประมาณ 3 นาทีเพื่อให้สารสกัดต่างๆซึมเข้าสู่ผิว 
แต่ถ้าทิ้งไว้นานกว่านั้นก็จะเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกมาเหมือนกับเราระเบิดขี้ไคลเลยค่ะ 
มิ้วเคยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วลองขัดๆผิวดูก็มีขี้ไคลหลุดออกมาจริงๆค่ะ 
แต่ผิวไม่แสบ ไม่แพ้นะคะสำหรับมิ้ว หลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำตามปกติ แล้วบำรุงผิวต่อได้เลยค่ะ


ผลที่ได้ออกมาดีเลยทีเดียวค่ะ 
ก่อนใช้ผิวมีความหมองคล้ำ มีความแห้ง สีผิวไม่สม่ำเสมอ

ขณะใช้ สบู่มีกลิ่นหอมเบอร์รี่อ่อนๆ ฟองเยอะมาก ยิ่งตีฟองด้วยตาข่ายก็ยิ่งเยอะ แถมสบู่ก็มีความแน่น ไม่ละลายไปกับน้ำไวด้วยค่ะ แต่ขณะที่ทิ้งไว้ อาจจะมีอาการคันผิวนิดหน่อย แต่ไม่แสบ ไม่แพ้แต่อย่างใดค่ะ

หลังใช้ ทันที ผิวดูสะอาด ชุ่มชื่น ผิวไม่แห้งเหมือนกับสบู่ผิวขาวตัวอื่นที่เคยลองค่ะ 
หลังใช้ไป 3 วัน ผิวเริ่มกระจ่างใสมากขึ้น 
วันที่ 5               เริ่มเห็นได้ชัดว่าผิวเริ่มกระจ่างใสมากกว่าวันแรก ใช้ต่อมาจนถึง
วันที่ 21             ผิวก็กระจ่างใสขึ้นมาในระดับนึงเลยค่ะ แต่ไม่มีอาการแสบ คัน หรือแพ้สบู่แต่อย่างใด แต่กระจ่างใสในที่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าผิวเราจะขาวโอโม่ อะไรไวขนาดนั้นนะคะ ทุกอย่างต้องใช้เวลา และปัจจัยอื่นๆ เช่น การทาครีมกันแดด และการสครับผิวร่วมด้วยค่ะ


สิ่งที่ชอบในสบู่ Ravida Bright Berry ตัวนี้ก็คือ
มีกลิ่นหอมขององุ่น หรือเบอรรี่เนี่ยแหละค่ะ  ช่วยให้ผ่อนคลายตอนอาบน้ำมากขึ้น

เนื้อสบู่มีความแน่น ก้อนใหญ่สะใจ และไม่ละลายน้ำง่ายเหมือน สบู่ผิวขาว ยี่ห้ออื่น

ฟองเยอะสะใจมากซึ่งช่วยลดการเสียดสีระหว่างผิวกับตาข่ายมากขึ้น

ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นจริงค่ะ รวมไปถึงลดการเกิดสิวที่หลัง และร่างกายด้วย


คำแนะนำ
ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้นะคะ ถ้ามีอาการคันมากเกินไป ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์ค่ะ

หลังใช้สบู่แล้วก็ควรเก็บสบู่ให้พ้นจากที่ชื้นๆค่ะ แนะนำให้แขวนไว้ในถุงตาข่ายเลยยิ่งดีเพื่อความสะดวกในการใช้ต่อไปค่ะ

ถ้าอยากให้ผิวดูเนียนกระจ่างใสยิ่งขึ้น นอกจากการทำความสะอาดผิวแล้ว ก็ควรที่จะ ทาครีมบำรุงผิว ทาครีมกันแดดเสมอ และสครับผิวสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ค่ะ

นอกจากการทาครีมแล้วการนอน และการออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และการเลือกทานก็ช่วยให้ผิวสวยจากภายในเช่นเดียวกันค่ะ ฝากไว้ด้วยนะคะ



ใครที่เหมาะกับการใช้ Ravida Bright Berry Body soap
คนที่อยากมีผิวกระจ่างใส
คนที่มีสิว จุดด่างดำ รอยแดง ตามร่างกาย
คนที่ผิวคล้ำเสีย และต้องการอยากฟื้นฟูผิว
คนที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ



โดยส่วนตัวแล้วมิ้วเห็นว่าผิวของมิ้วมีความกระจ่างใสมากขึ้นจริงๆค่ะ แต่ในรูปคนอ่านรีวิวอาจจะเห็นว่า เห้ย ไม่เห็นขาวเลย บลา บลา บลา... มิ้วอยากจะบอกว่า การที่จะให้ผิวดูขาวไปเลยแบบเปลี่ยนสีไปเลย มันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 1 หรือ สองเดือนคือ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างด้วย หรือถ้าเราอยากขาวจริงๆ ลองทาน วิตามินเสริม หรือปรึกษาคลินิกที่เชื่อถือได้ ในการทำผิวขาวไปเลยค่ะ แต่นั่นก็ใช้ทั้งเวลาและการลงทุนอีกเช่นกัน 

ในส่วนของมิ้ว มิ้วไม่ได้อยากให้ผิวขาวโอโม่เกินไปค่ะ แค่อยากให้ผิวดูมีสุขภาพดี เรียบเนียน สม่ำเสมอ ดูชุ่มชื้น ไม่แพ้ง่ายก็เพียงพอแล้วค่ะ ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความคิดเห็นของแต่ละคนเลยนะคะว่าชอบแบบไหน แต่มิ้วลองใช้ตัวนี้มาก็พบว่าเขาช่วยให้ผิวดูดีมีสุขภาพขึ้นมาพอตัวเลยค่ะ


และสำหรับใครที่อยากลอง สบู่ของ Ravida Bright Berry Body soap ตัวนี้ ลองเข้าไปสอบถามรายละเอียด และสั่งซื้อ ได้ที่นี่เลยค่า

หวังว่าเพื่อนๆจะชอบรีวิวนี้ค่ะ อยากให้ทุกคนมีผิวสวย สุขภาพดีกันถ้วนหน้า ไว้พบกันใหม่ในรีวิวต่อไปนะคะ สวัสดีค่ะ



โค้ดห้ามคลิกขวา ห้ามคลุมดำ ห้ามคลิกขวา ห้ามคลุมดำ โค้ดสำหรับป้องกันการคลิกขวา และห้ามคลุมดำ บนเว็บไซต์ คัดลอกโค้ดไปใช้ได้เลยครับ วิธีวางโค้ด ไปที่>>รูปแบบ >>HTML/จาวาสคริปส์>> วางโค้ด >>บันทึก 1.โค้ดห้ามลากดำ+ห้าม ctrl+A,C ในโค้ดเดียว 2.โค้ดห้ามคลิกขวา **แทนสีน้ำเงินด้วยข้อความที่ต้องการให้ปรากฏ Do not click right..!!

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563

รีวิว แป้งเซลฟี่ ราบุ RABU สวยทั้งในจอและนอกจอ แบบไม่ง้อ แอพฯ | MG-Review



 RABU RABU

Photo Light Compact Powder


สวัสดีค่าทุกคนมารีวิวแป้งอีกแล้ว ฮ่าๆ ช่วงนี้จะได้ลองแป้งบ่อยๆเลยจะมาพูดถึงแป้งที่ถ่ายรูปแล้วสวยได้ทุกแสง แบบไม่ต้องง้อแอพแต่งรูปเลยค่ะ หลายคนก็มักจะมองหาแป้งที่ปกปิด ติดทนคุมมัน แต่ยุคสมัยนี้ ต้องถ่ายรูปแล้วดูสวยด้วย ถ่ายกล้องไหน ชัดแค่ไหนก็ยังต้องสวย ผิวสวยดูเล่นแสงอยู่เสมอค่ะ แป้งตัวนี้ก็คือ 

RABU RABU Photo light compact powder นั่นเองค่า รายละเอียดจะเป็นอย่างไร มิ้วใช้แล้วสวยแค่ไหนนั้น ไปดูรายละเอียดกันได้เลยค่า



แป้ง RABU RABU Photo light compact powder เป็น แป้งพัฟสะท้อนแสง แป้งแป้งโฟโต้ไล้ท์  แป้งเซลฟี่ ที่มีส่วนผสมหลักเป็น อนุภาคเล็กของ Silk Mica ช่วยให้แป้งเล่นแสงและกระจายตัวได้ดี เนื้อแป้งนุ่มลื่น บางเบา สบายผิว เกลี่ยง่าย ติดทนนาน เหมือนเราติดฟิลเตอร์ออร่าไว้ที่ผิวเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีสารป้องกกันแสงแดด และมบภาวะด้วย สวยจบครบในตัวเลยทีเดียว





ตัวกล่องมาแบบกระดาษ สีดำด้าน โลโก้คือดูแล้สรู้เลยว่าเป็นแป้งที่ช่วยเล่นแสงค่ะ บอกวัน เดือน ปี ที่ผลิต สีและปริมาณมาอย่างชัดเจน 


สีที่มิ้วได้มาจะเป็นเบอร์ 03 เข้มสุดเลยค่ะเหมาะกับสาวผิวสีน้ำผึ้ง มาในปริมาณ 10 กรัม
01 สำหรับผิวขาว
02 สำหรับผิวสองสี





ตัวตลับมาในสีดำเงา สะท้อนแสง ขนาดพอดีมือค่ะ แต่ก็อาจจะเปื้อนรอยนิ้วมือง่ายหน่อย แต่เช็ดออกก็หายแล้วค่ะ


พอเปิดตลับแป้งออกมาก็จะเจอชั้นพัฟก่อนค่ะ สีขาวน่ารัก 


เนื้อของพัฟก็จะ มีความ นุ่มเนียนละเอียดไม่บาดหน้า และมีความยืดหยุ่นด้วยค่ะ


มิ้วลองปาดสีแป้งลงบนข้อมือด้วนการใช้นิ้วมือปาดค่ะ ผลออกมาก็จะเป็นอย่างที่เห็น ว่าสีจะมีความใกล้เคียงกับแขนมาก ซึ่งเป็นผลดีกับสาวผิวสีน้ำผึ้งแบบมิ้วมากๆเลยค่ะ ส่วนรูปที่ปาดที่หลังมือก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าสีใกล้เคียงกันมากเลย แต่ตอนนั้นหลังมือมิ้วแห้งมาก (เพิ่งล้างจานมา) ถ้าซูมใกล้ๆจะเห็นว่าเป็นขุยนิดๆค่ะ






ตอนที่มิ้วใช้ ก็จะทำหน้าให้มีควมชุ่มชื่น หรือทาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อครีม เช่น คอลซิลเลอร์ หรือครีมบลัชลงไปก่อนค่ะ จากนั้นก็ กดแป้งลงบนผิวหน้า ใช้การกดนะคะ จะช่วยให้แป้งติดผิวมากขึ้น โดยเริ่มจากใต้ตาก่อนแล้วเกลี่ยออกไปด้านข้าง จากนั้นทาที่กราม หน้าผาก จมูก แล้วทาที่คอ (ทาที่คอใช้การปาดได้ค่ะ ไม่ซีเรียสเท่าผิวหน้า)


ลักษณะผิว: มันบริเวณ T zone มีรอยคล้ำใต้ตา กระ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้างบริเวณหน้าแก้ม
ความรู้สึกตอนทา: รู้สึกว่าแป้งเกลี่ยง่ายมาก ติดผิวดีมากค่ะ ปกปิดได้ดีและเนียนมากเลยค่ะ กลิ่นของแป้งจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนค่ะ


หลังจากที่มิ้วทาแป้งไปด้านหนึ่งก็เห็นได้ชัดเจนเลยค่ะว่าด้านที่ทาแป้งผิวบริเวณหน้าแก้มดูเนียนกว่าด้านที่ไม่ได้ทา ผิวดูสม่ำเสมอ ไม่เป็นคราบด้วยค่ะ


แล้วที่สำคัญเลยคือ เล่นแสงสวยมากกกกกกกก มาก แบบมากค่ะ ภาพนี้มิ้วถ่ายตอนกลางวันในภายในห้องค่ะ แป้งเล่นแสงได้ดีมากจริงๆ


ลองถ่ายรูปภายใต้แสงต่างๆกันค่ะแล้วก็ทดสอบความติดทนไปด้วย


ให้ภาพเล่าเรื่องนะคะว่าสวยแค่ไหน >\\\< ยิ่งโดนแสงแดด ก็ยิ่งสวยค่ะ 


ลองถ่ายกับไฟวงกลมที่เอาไว้แต่งหน้า ก็ยังสวย และเล่นแสงได้ดีค่ะสีหน้าตรงกับคอ ไม่วอกไม่ลอยเลย


สรุปเลยแล้วกันค่ะ ว่าสวยทุกแสงสมคำเครมจริงๆค่ะ ปลื้มมมมมม



มาพูดถึงความติดทนกันบ้างบอกเลยว่าทำได้ดีเลยทีเดียวค่ะ


มิ้วทดลองแต่งหน้าไปหลายวันเพื่อเอามาเปรียบเทียบกันค่ะ


ส่วนสาวเสื้อแดงนี้ มิ้วทาแป้งตั้งแต่ ตอนเที่ยงแล้วเดินทางจาก กทม. กลับบ้านที่ลพบุรีค่ะ ขุ่นพระ หน้ายังสวยอยู่ แค่ปากหลุดไปเท่านั้นเองค่ะ


รูปนี้มิ้วก็แต่งหน้าเสร็จตอนเที่ยงแล้วไปข้างนอกทำกิจกรรมตลอดทั้งวันอีกเช่นกันค่ะ หน้ายังสวยขนาดนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลย 


สิ่งที่ชอบในแป้ง Rabu Rabu
- เป็นแป้งที่เล่นแสงได้สวยทุกแสงจริงๆค่ะ 
- หลังทาเสร็จผิวดูเนียนจริง รูขุมขนเบลอจริง
- แป้งไม่เป็นคราบ
- ติดทนได้จริงค่ะ (ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและกิจกรรมของวันนั้นๆด้วย)
- สีแป้งเข้ากับหน้าได้ โดยไม่ต้อง คอนทัวร์ที่กรอบหน้าเลยค่ะ




แป้ง Rabu Rabu เหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปเซลฟี่ ถ่ายรูปตัวเองบ่อยๆ 
- คนที่ต้องแต่งหน้าทุกวัน ไปเจอฝุ่นควันและมลภาวะ
- คนที่มีรูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- คนที่มีผิวผสม ไปถึงผิวมัน


คำแนะนำ
- ควรทำผิวหน้าให้ชุ่มชื้นก่อนการลงแป้งค่ะ
- เวลาลงแป้งให้ใช้การกดลงบนผิวแทนการปาดค่ะ แป้งจะได้ติดผิวและไม่เป็นคราบ
- แป้งตัวนี้สามารถทาซ้ำระหว่างวันได้ไม่ทำให้เป็นคราบค่ะ


มิ้วสรุปง่ายๆเลยนะคะว่า แป้ง RABU RABU Photo light compact powder เป็นแป้งที่ทุกคนควรมี ฮ่าๆๆ
แต่คนที่มีผิวแพ้ง่าย ลองสดสอบการแพ้ก่อนนะคะ จได้มันใจว่าเราใช้ได้จริงๆค่ะ



และสำหรับใครที่สนใจอยากมีไว้ในครอบครอง ก็ลองไปส่อง ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

SHOPEE: พิกัด   https://invol.co/cl299fr

และสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่นี่เลยจ้า 
เขาลดอยู่น้า ราคา 169บาท จาก ปกติ 390 บาทเลยค่ะ รีบนะเดี๋ยวหมดโปร




เป็นอน่างไรบ้างคะ สำหรับการ  รีวิว แป้งพัฟ Rabu Rabu ในวันนี้หวังว่าจะชอบนะคะ อย่าลืมไปลองกันล่ะ สวยทุกแสง ทุกกล้อง ทั้งในจอ และนอกจอเลยค่ะรับรอบ <3